"สยามเทคนิคคอนกรีต หรือ STECH" หนึ่งในผู้นำธุรกิจคอนกรีตอัดแรงรายใหญ่ ประกาศผลงาน Q3/64 มีรายได้จากการขายและบริการ 428.51 ลบ. เพิ่มขึ้น 30.62% กำไรสุทธิ 40.71 ลบ. โตขึ้น 14.50% จากภาพรวมการส่งมอบงานพุ่งสูง แม้จะมีการปิดไซต์งานก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม ด้านผลงานงวด 9 เดือน มีรายได้จากการขายและบริการเกือบ 1,189 ลบ. เพิ่มขึ้นราว 6% แต่รายได้รวมลดลงเล็กน้อย เนื่องจาก งานโครงการก่อสร้างในปีนี้จะเริ่มเข้ามารับรู้รายได้ในช่วง Q4/64 จึงมองโค้งสุดท้ายของปีเป็นโอกาสคว้างานเพิ่ม ประกอบกับอานิสงส์รัฐบาลประกาศเปิดประเทศ เป็นสัญญาณเชิงบวกให้อุตสาหกรรมก่อสร้างภาครัฐและเอกชนคึกคัก รอฟังข่าวดีของ STECH เดินหน้าประมูลบิ๊กโปรเจกต์อีกเพียบ หลังปัจจุบันโชว์ Backlog ในมือแน่นกว่า 900 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปี คาดว่าจะดีกว่าในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยมองว่าหลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ น่าจะเป็นสัญญาณเชิงบวก และธุรกิจของ STECH อิงกับระบบสาธารณูปโภค เชื่อว่าน่าจะเป็นปัจจัยบวกของบริษัทฯ ที่ดีให้กลับมาคึกคักได้เหมือนเคย โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในด้านการคมนาคม จะกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ ภาคเอกชนได้รับความเชื่อมั่น ทยอยเปิดตัวงานโครงการใหม่เพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อ STECH
ปัจจุบันมีงานในมือที่รอส่งมอบ (Backlog) รวมอยู่ที่ 900 ล้านบาท แบ่งเป็น คำสั่งซื้อจากการขายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงและบริการ มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ซึ่งเตรียมทยอยส่งมอบและคาดรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ รวมทั้งได้รับงานก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kV จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่าราว 97 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้ว โดยมีระยะเวลาการทำงาน 1 ปี สนับสนุนภาพรวมการรับรู้รายได้แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่องจากปี 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาครัฐมีการประมูลงานล่าช้ากว่าแผนงานที่วางไว้
ปัจจุบันบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างติดตามงานโครงการใหม่อีกกว่า 700 ล้านบาท เช่น งานเสาเข็มโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, รถไฟความเร็วสูง ไทย - จีน กรุงเทพ - นครราชสีมา สะท้อนภาพรวมงานโครงการขนาดใหญ่เริ่มเดินหน้า โดยเฉพาะเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ ได้ปัจจัยบวกจากโรงงานที่มีอยู่ 9 แห่ง กระจายอยู่เกือบทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และการก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 10 ที่ชลบุรี สาขา 2 คาดว่าจะเริ่มผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ 65 พร้อมรับคำสั่งซื้อจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ปัจจุบันมีงานก่อสร้างขนาดใหญ่หลายโครงการ ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงสูงกว่าภูมิภาคอื่น
"Backlog ที่มีอยู่ตอนนี้ถือว่าอยู่ในระดับสูง แม้ที่ผ่านมาภาครัฐมีมาตรการคุมเข้มสถานการณ์โควิดโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่เรายังมีงานส่วนใหญ่ที่เดินหน้าตามปกติในภูมิภาคอื่น และเริ่มเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมาได้ เนื่องจากโรงงานของบริษัทฯ ยังคงสามารถเดินหน้าผลิตสินค้า พร้อมทยอยส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดในโรงงาน ควบคู่การติดตามสถานการณ์โควิดและปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิด สนับสนุน STECH ในปี 2564 คาดจะเติบโตจากปีก่อนได้อย่างแน่นอน" นายวัฒน์ชัย กล่าว
ล่าสุด STECH รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2564 (กรกฎาคม-กันยายน) มีรายได้จากการขายและบริการ 428.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.62% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 328.06 ล้านบาท จากการส่งมอบงานในปริมาณที่สูงขึ้นทั้งภาครัฐบาลและเอกชน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 428.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 362.15 ล้านบาท เนื่องจากในงวดไตรมาส 3 ของปีก่อน มีการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างโครงการเข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่ กำไรสุทธิ 40.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้จากการขายและบริการ 1,180.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.95% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,121.90 ล้านบาท และมีรายได้รวมที่ 1,180.60 ล้านบาท ลดลง 1.59% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,212.24 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 94.47 ล้านบาท ลดลง 26.19% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 127.99 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ยังไม่มีการรับรู้รายได้จากธุรกิจรับเหมางานก่อสร้างโครงการ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปลายปี
"ภาพรวมไตรมาส 3 ปีนี้ รายได้จากการขายและบริการมีจำนวน 428.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.45 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 30.62% เนื่องจากมีการส่งมอบงานในปริมาณค่อนข้างสูงทั้งงานภาครัฐและเอกชนในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา โดยทางราชการได้มีการผ่อนคลายให้เปิดงานก่อสร้างได้หลังถูกปิดเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และช่วง 9 เดือนปีนี้ สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2564 บริษัทฯ ยังไม่มีรายได้จากธุรกิจงานรับเหมาก่อสร้างดังเช่น ปี 2563 อย่างไรก็ดี บริษัทได้ลงนามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2564 เป็นงานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รับจ้างเหมาก่อสร้างสายส่ง ระบบ 115 เควี สถานีไฟฟ้าสกลนคร 2 จังหวัดสกลนคร - สถานีไฟฟ้าศรีสงคราม จังหวัดนครพนม มูลค่างานเป็นจำนวนเงิน 97.97 ล้านบาท โดยมีแผนจะเริ่มงานภายในไตรมาส 4 ของปี 2564 มีระยะเวลาการทำงาน 1 ปี" นายวัฒน์ชัยกล่าวทิ้งท้าย
บลจ.อีสท์สปริง โชว์จ่ายปันผลกองทุนอสังหาฯ และโครงสร้างพื้นฐานต่างประเทศ 3 กองทุน รวม 342 ล้านบาท ดีเดย์ 22 ธ.ค. 68 นี้
ธอส. เพิ่มฟังก์ชัน เปิด-ปิด ล็อกบัญชี ยกระดับความปลอดภัย ผ่าน Application : GHB ALL GEN ให้บริการวันที่ 19 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป
"ประกันติดโล่" อยากให้คนไทยเที่ยวปีใหม่อย่างสบายใจ มอบฟรี! ประกันบ้าน-อุบัติเหตุ 50,000 สิทธิ์ พร้อมอาสาดูแลคนไทยข้ามปี
บัญชีเงินฝากประจำ 12 เดือนจากกรุงศรี ทางเลือกเก็บเงินอย่างปลอดภัย ล็อกดอกเบี้ยสูงนาน
KTC Accelerates Digital and AI Transformation in 2026 to Drive Sustainable Growth
เคทีซีเปิดเกมปี 2569 เร่งเครื่องดิจิทัลและ AI เสริมศักยภาพองค์กร พร้อมเติบโตต่ออย่างยั่งยืน
คณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์มีมติแต่งตั้ง "ดร.มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์" ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป
คาร์ฟอร์แคช คีออสก์ เปิดจุดบริการใหม่ใน ปตท. สะดวก-รวดเร็ว ตอบโจทย์สินเชื่อเพื่อคนมีรถ
ธนาคารไทยเครดิต คว้า SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ระดับ "A" ตอกย้ำถึงการเป็น "ธนาคารเพื่อความยั่งยืน"