กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ: หนึ่งในกลไกสำคัญสร้างความมั่นคงระบบบำนาญไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

เมื่อไม่นานมานี้มีการเผยแพร่ผลงานวิจัยของไทยและต่างประเทศเกี่ยวกับการเกษียณอายุ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อบริบทของไทยที่เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ กล่าวคือ สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด จึงขอถือโอกาสนำมาเล่าสู่กันฟัง

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ:  หนึ่งในกลไกสำคัญสร้างความมั่นคงระบบบำนาญไทย

งานวิจัยของต่างประเทศ - Mercer CFA Institute Global Pension Index 2021: Pension reform in challenging times
บริษัท Mercer ได้เผยแพร่รายงาน Mercer CFA Institute Global Pension Index 2021 ซึ่งเป็นการจัดอันดับประสิทธิภาพและวิเคราะห์ระบบบำเหน็จบำนาญของแต่ละประเทศทั่วโลกทั้งหมด 43 ประเทศ (คิดเป็นจำนวนมากกว่า 65% ของประชากรโลก) โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 43 ด้วยคะแนน 40.6 ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า โดย Mercer ได้เสนอแนะให้ประเทศไทยและประเทศอื่นที่มีคะแนนใกล้เคียงกันปรับปรุงระบบบำเหน็จบำนาญ โดยส่งเสริมให้ลูกจ้างเข้าร่วมระบบบำเหน็จบำนาญมากขึ้น ให้ครอบคลุมประชากรวัยทำงานทุกภาคส่วน ซึ่งอาจจัดให้มีการออมภาคบังคับหรือระบบจัดการให้ลูกจ้างเข้าเป็นสมาชิกโดยอัตโนมัติ (auto enrollment) อีกทั้งเพิ่มความช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีเงินไม่เพียงพอ โดยอาจปรับเกณฑ์อายุเกษียณ ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่ประชากรมีอายุขัยมากขึ้น ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้ทำงานเพื่อให้มีเงินออมมากขึ้น และปรับปรุงธรรมาภิบาลของระบบบำเหน็จบำนาญภาคเอกชนให้ดียิ่งขึ้น

งานวิจัยของไทย - ดัชนีความพร้อมเพื่อการเกษียณ: การจัดทำและการประยุกต์ใช้เชิงนโยบาย
ทางด้านงานวิจัยของไทยซึ่งเป็นการศึกษาและจัดทำดัชนีความพร้อมเพื่อการเกษียณของไทย หรือ Retirement Readiness Index (RRI) โดย รศ. ดร. พรอนงค์ บุษราตระกูล และคณะผู้วิจัยจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า ความพร้อมของคนไทยในการเกษียณอายุ ซึ่งพิจารณาจากความมั่นคงด้านคุณภาพชีวิต และความมั่นคงทางการเงิน ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางดี โดยมีความมั่นคงด้านคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับดี แต่ความมั่นคงทางการเงินกลับอยู่ในระดับ ปานกลางค่อนไปทางต่ำ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ความไม่มั่นคงทางการเงินเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ไม่มีความพร้อมเพื่อการเกษียณอายุนั่นเอง คณะผู้วิจัยจึงได้เสนอให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับนโยบายการปฏิรูป ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางการเงิน และควรจัดตั้งหน่วยงานหรือคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อกำหนดกรอบนโยบายของกองทุนการออมเพื่อการเกษียณแต่ละกองทุนอย่างบูรณาการ มีนโยบายที่ชัดเจน เชื่อมโยง และ มีประสิทธิภาพ เพราะในที่สุดแล้วระบบบำเหน็จบำนาญที่ดีจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจและลดปัญหาด้านการคลัง

การออมการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุของลูกจ้างในไทย
จากสถานการณ์ความไม่เพียงพอของการออมเพื่อการเกษียณอายุในประเทศไทยที่เกิดขึ้น กระทรวงการคลัง จึงได้ยกร่าง พ.ร.บ. กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) เพื่อส่งเสริมให้ลูกจ้างมีการเก็บออมเพื่อการเกษียณและมีรายได้หลังเกษียณที่เพียงพอในการดำรงชีพซึ่งเป็นการออมภาคบังคับสำหรับลูกจ้างในระบบ ทุกคน และเปิดให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund: PVD) ที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (Qualified PVD) เช่น มีอัตราเงินสะสมและเงินสมทบไม่ต่ำกว่า กบช. กำหนด ให้ลูกจ้าง ที่มีอายุ 15-60 ปี เป็นสมาชิกโดยอัตโนมัติเมื่อมีการตั้งกองทุน (auto enrollment) และกำหนดให้สมาชิกลงทุนในนโยบายสมดุลตามอายุ (life path) โดยอัตโนมัติในกรณีที่ไม่สะดวกเลือกนโยบายการลงทุนเอง เพื่อให้ Qualified PVD สามารถเป็นหนึ่งในกองทุนทางเลือกภายใต้การออมภาคบังคับสำหรับนายจ้าง ที่ได้จัดตั้ง PVD เพื่อเป็นสวัสดิการให้ลูกจ้างด้วยความสมัครใจมาก่อนแล้ว

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ในฐานะนายทะเบียน PVD และเป็นหน่วยงานกำกับและพัฒนาธุรกิจ PVD จึงอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นการประเมินผลสัมฤทธิ์และการปรับปรุง พ.ร.บ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฯ เพื่อทำให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นส่วนหนึ่งของการออมภาคบังคับได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sec.or.th จนถึงวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2565 นี้

สำหรับเพื่อนสมาชิกและท่านผู้อ่านที่สนใจข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการออมเพื่อเกษียณอายุ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการออมการลงทุนผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ www.ThaiPVD.com


ข่าวo:editor+o:finวันนี้

NUT เตรียมพร้อมระดมทุนจาก IPO เดินหน้าโรดโชว์ ให้ข้อมูลนักลงทุน

บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT ผู้นำด้านการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบวงจร เตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อยอดการเติบโตและสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ นายภาคิณ กิตติภานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT ผู้นำด้านการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมความพร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 37 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 30.83 ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่าย

พบบ้านมือสองกว่า 400 รายการทั่วประเทศ ลดร... ธอส. ชวนชาวใต้มีบ้านเป็นของตนเอง ร่วมงาน "มหกรรมบ้านธนาคาร 68 จ.สุราษฎร์ธานี" — พบบ้านมือสองกว่า 400 รายการทั่วประเทศ ลดราคาสูงสุดถึง 50% ตั้งแต่วันนี้ 11...

UOB Thailand partners with Shell Thailand... UOB Thailand partners with Shell to offer exclusive fuel promotion for its cardholders — UOB Thailand partners with Shell Thailand to provide exclusive re...