Royal Commission for AlUla ลงนามข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ 4 ฉบับ ในโอกาสที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย

08 Dec 2021

- ซาอุดีอาระเบียร่วมมือกับฝรั่งเศสเพื่อจัดสร้าง Villa Hegra ที่อัลอูลา

- เป็นการจำลอง 'วิลลาฝรั่งเศส' มาสู่ตะวันออกกลาง ในฐานะศูนย์วัฒนธรรม 

- ทำข้อตกลงกับ Ferrandi Paris, Dassault Systemes และ RATP DeV Saudi Arabia เพื่อพัฒนา AlUla ให้เป็นเมืองอัจฉริยะระดับโลกสำหรับผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยือน

Royal Commission for AlUla (RCU) ประกาศการลงนามในข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ 4 ฉบับ รวมถึงข้อตกลงหนึ่งฉบับสำหรับ Villa Hegra เพื่อเปิดตัวแบบจำลอง 'วิลลาฝรั่งเศส' ในตะวันออกกลาง

การลงนามดังกล่าวเกิดขึ้นในโอกาสที่ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เดินทางเยือนเจดดาห์อย่างเป็นทางการเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และได้พบกับเจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน บิน อับดุลาซิซ อัล ซาอุด มกุฎราชกุมาร และประธานคณะกรรมการ Royal Commission for AlUla County 

ความร่วมมือดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาแบบบูรณาการของ RCU เพื่อพัฒนาอัลอูลาให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติระดับโลก และเมืองหน้าด่านที่มีคุณภาพชีวิตดีเยี่ยมสำหรับผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยือน

Villa Hegra ณ อัลอูลา จะเป็นสถานที่พิเศษที่ศิลปิน นักเขียนและจิตรกรมารวมตัวกัน แสดงถึงความต่อเนื่องในการสืบสานมรดกของอัลอูลา ในฐานะศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนทางการค้าและวัฒนธรรม Villa Hegra จะให้ความเคารพต่อสิ่งแวดล้อมและประวัติศาสตร์ รวมไปถึงประชากรในท้องถิ่น ปัจจุบัน มีการจำลองวิลลาขึ้น 11 แห่งทั่วโลก โดย 7 แห่งอยู่ในฝรั่งเศส และอีก 4 แห่งปรากฏในเม็กซิโกไปจนถึงกรุงโรม ซึ่งแต่ละแห่งจัดแสดงวัฒนธรรมฝรั่งเศสและวัฒนธรรมโลกได้อย่างยอดเยี่ยม

Villa Hegra ขนาด 15,100 ตร.ม. จะเป็นสถานที่ตั้งของของหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง AlUla International College of Tourism & Hospitality โรงแรมอพาร์ตเมนต์ไลฟ์สไตล์ขนาด 6,600 ตร.ม. ศูนย์วัฒนธรรม เรือนรับรองศิลปะ และโซเชียลคลับ

เจ้าชาย บาดร์ บิน ฟาห์ฮาน อัล ซาอุด ผู้ว่าการ Royal Commission for AlUla และฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้ลงนามในข้อตกลงการจัดสร้าง Villa Hegra

"ความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสและซาอุดีอาระเบียสร้างขึ้นบนพื้นฐานของการยอมรับซึ่งกันและกันในความสำคัญของการพัฒนาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม นับตั้งแต่การลงนามในข้อตกลงฉบับแรกเมื่อปี 2561 เราได้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างการทูตวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ที่นำไปสู่การแบ่งปันความรู้ ความเชี่ยวชาญ และทรัพยากรแถวหน้า และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชุมชนในท้องถิ่น การจัดสร้าง Villa Hegra ณ อัลอูลา ถือเป็นอีกหนึ่งมรดกตกทอดของอัลอูลาในฐานะสถานที่ที่นำโลกมารวมกัน" อัมร์ อัลมาดานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Royal Commission for AlUla กล่าว

RCU ยังได้ลงนามในข้อตกลงแต่เพียงผู้เดียวกับ Ferrandi Paris Culinary Arts and Hospitality Institute เพื่อร่วมกันสร้าง AlUla International College of Tourism & Hospitality ภายใต้แบรนด์ Ferrandi เพื่อเร่งผลักดันวิสัยทัศน์ระยะยาวในการจัดตั้งอัลอูลาให้เป็นบ้านของบริการการต้อนรับ การท่องเที่ยว และศิลปะการทำอาหารในภูมิภาค

อัมร์ อัลมาดานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Royal Commission for AlUla และ บรูโน เดอ มอนเต ซีอีโอของ Ferrandi ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งจะสนับสนุนยุทธศาสตร์ของอัลอูลาในการเป็นศูนย์กลางความรู้และการฝึกอบรมพื้นฐานสำหรับการท่องเที่ยว การโรงแรม และศิลปะการทำอาหารในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย การเป็นพันธมิตรกับสถาบันระดับโลกมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถทั้งในท้องถิ่นและนานาชาติ พร้อมทั้งพัฒนาและยกระดับทักษะในการประกอบวิชาชีพในอุตสาหกรรม เพื่อเป็นผู้นำในภาคส่วนต่าง ๆ ของอัลอูลา

นอกจาก Villa Hegra และ Ferrandi Paris Culinary Arts and Hospitality Institute แล้ว RCU ยังลงนามในข้อตกลงกับ Dassault Systemes และ RATP DeV Saudi Arabia โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาเมืองที่เหมาะสมกับอนาคต ด้วยการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีเยี่ยมแก่ประชาชน ผู้อยู่อาศัย และนักท่องเที่ยว ผ่านทางการปรับปรุงและทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ เป็นดิจิทัล ตลอดจนการดำเนินการระบบขนส่งสาธารณะและการสัญจร

RCU ร่วมมือกับ Dassault Systemes เพื่อสร้างแฝดดิจิทัลของอัลอูลา ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการวางแผน การพัฒนา การดำเนินงานของเขตเทศบาล ชุมชนและนักลงทุน ประชาชนและนักลงทุน ข้อตกลงนี้เกิดจากความพยายามของ RCU ในการพัฒนาฐานข้อมูลภูมิสารสนเทศแบบบูรณาการ

ในทำนองเดียวกัน ความร่วมมือกับ RATP DeV Saudi Arabia จะอาศัยประสบการณ์ 120 ปีในการดำเนินการด้านการขนส่งขององค์กร เพื่อพัฒนาระบบขนส่งมวลชนระดับโลกในอัลอูลา ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ RCU เข้าถึงนวัตกรรมล่าสุดในด้านการเคลื่อนที่ ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในแง่ของการดำเนินการและโซลูชั่น ซึ่งรวมถึงยานยนต์ไร้คนขับ รถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริดที่ตอบสนองความต้องการของคนในท้องถิ่น รวมทั้งนักท่องเที่ยว

"อัลอูลาเป็นห้องปฏิบัติการทดลองสำหรับอนาคตของการท่องเที่ยว การเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานชั้นนำในอุตสาหกรรม เช่น Ferrandi Paris Culinary Arts and Hospitality Institute, Dassault Systemes และ RATP DeV Saudi Arabia จะทำให้เราสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้มากมาย ทั้งความรู้ด้านอุตสาหกรรม การวิจัยและนวัตกรรม เพื่อสร้างจุดหมายปลายทางที่ไม่เพียงเป็นสวรรค์ทางวัฒนธรรมและศิลปะ และเป็นมาตรฐานสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนเท่านั้น หากแต่ยังเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอีกด้วย" อัมร์ อัลมาดานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Royal Commission for AlUla กล่าว

ข้อตกลงดังที่กล่าวมาเป็นการสานต่อและต่อยอดความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างสองประเทศในภาคส่วนที่หลากหลายของอัลอูลา ภายหลังการลงนามในข้อตกลงระหว่างรัฐบาลเพื่อพัฒนาสินทรัพย์ใหม่ ๆ ในด้านวัฒนธรรม การศึกษา และศิลปะที่อัลอูลาเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวทำให้ฝรั่งเศสมีบทบาทต่ออัลอูลาในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่โบราณคดีไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอัจฉริยะ ตลอดจนการโรงแรม โดยสถาปนิก ฌอง นูแวล วางแผนที่จะสร้างรีสอร์ทสุดหรูด้วยการแกะสลักหินทรายของอัลอูลา อันจะเป็นการฟื้นฟูงานหินแบบดั้งเดิมของช่างก่ออิฐชาวนาบาเทียนในพื้นที่แห่งนี้

นอกจากนี้ ในโอกาสการมาเยือนของประธานาธิบดีฝรั่งเศส RCU ยังได้มีส่วนร่วมในฟอรัมการลงทุนของซาอุดิอาระเบีย-ฝรั่งเศส ที่เจดดาห์ เพื่อสำรวจโอกาสเพิ่มเติมอันจะนำไปสู่การสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน

รับชมภาพการลงนามได้ที่นี่

สำหรับสื่อมวลชนที่มีคำถามหรือข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมประชาสัมพันธ์ของ RCU ทางอีเมล [email protected]

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ :

ชื่อเมืองอัลอูลาในภาษาอังกฤษสะกดว่า AlUla ไม่ใช่ Al-Ula

เกี่ยวกับ Royal Commission for AlUla

Royal Commission for AlUla (RCU) ก่อตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาในเดือนกรกฎาคมปี 2560 เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาเมืองอัลอูลาในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีความสำคัญในเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ แผนการระยะยาวของ RCU คือการพัฒนาเศรษฐกิจและเมืองด้วยความระมัดระวัง รับผิดชอบ และยั่งยืน พร้อมกับอนุรักษ์มรดกทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติในพื้นที่ ตลอดจนส่งเสริมให้เมืองอัลอูลาเป็นจุดหมายปลายทางการอยู่อาศัย ทำงาน และท่องเที่ยว เป้าหมายเหล่านี้ก่อให้เกิดโครงการมากมายทั้งในด้านโบราณคดี การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การศึกษา และศิลปะ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการตอบสนองต่อความหลากหลายทางเศรษฐกิจ การสร้างพลังให้กับชุมชน และการอนุรักษ์มรดกตกทอดตามวิสัยทัศน์ Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบีย

รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/1702745/Villa.jpg