ฟิทช์คงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท เมืองไทยประกันชีวิตที่ 'A-' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength Rating: IFS Rating) ของบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL ที่ 'A-' และคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating หรือ IDR) ของ MTL ที่ 'BBB+' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

พร้อมกันนี้ ฟิทช์ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating) ของ MTL ที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับเครดิตของตราสารด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 มูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของบริษัท ที่ 'BBB'

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
การประกาศคงอันดับเครดิตของ MTL สะท้อนถึงโครงสร้างการดำเนินงานของบริษัทในธุรกิจประกันภัยที่ยังแข็งแรง (Favorable Company Profile) ระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และผลประกอบการและสภาพคล่องของบริษัทที่ดี นอกจากนี้อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงความเสี่ยงของ MTL จากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ทลงทุนของบริษัทและความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องจากผลของการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัส

ฟิทช์ประเมินโครงสร้างการดำเนินงานของ MTL อยู่ในระดับแข็งแรง จากโครงสร้างธุรกิจ (business profile) ที่แข็งแกร่ง (favorable) และการมีบรรษัทภิบาลดี (moderate/favorable) เมื่อเทียบกับบริษัทประกันชีวิตอื่นภายในประเทศไทย

MTL ยังคงมีเครือข่ายทางธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 12%-13% ของจำนวนเบี้ยประกันรวมของตลาด และยังได้รับการสนับสนุนด้านการดำเนินงานและด้านเทคนิคจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งคือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว: BBB/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) และ Ageas Insurance International N.V. (อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว: A+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) นอกจากนี้ MTL ยังมีการกระจายตัวของโครงสร้างธุรกิจที่ดี ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ครอบคลุมและฐานลูกค้าภายในประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ดังนั้นฟิทช์จึงจัดให้โครงสร้างการดำเนินงานของบริษัทอยู่ในระดับ 'a-' ตามหลักเกณฑ์การพิจารณาปัจจัยเครดิตของฟิทช์ (credit factor scoring guideline)

MTL สามารถดำรงระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยเป็นกันชนรองรับการผันผวนของสินทรัพย์และผลกระทบจากความเสี่ยงด้านลบ โดยบริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฏหมายที่ 316% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2564 ซึ่งยังคงสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ที่ 120% ทั้งนี้ระดับเงินกองทุนของบริษัทตามแบบจำลอง Prism Model ของฟิทช์ ซึ่งประเมินจากข้อมูลทางการเงิน ณ สิ้นไตรมาสดังกล่าว ยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ('Strong') ถึงแม้จะมีสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าระดับเงินกองทุนของบริษัทน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฏหมายมากกว่า 300% อีกทั้ง MTL ยังคาดว่าการออกตราสารด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของบริษัทเมื่อเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ยังจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฐานะเงินกองทุนของบริษัท ทั้งนี้ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 25% ซึ่งจะดีกว่าค่าเฉลี่ยตามเกณฑ์ของฟิทช์ที่ช่วงอันดับเครดิตปัจจุบัน

บริษัทยังคงมีปริมาณสินทรัพย์เสี่ยง (ตามนิยามของฟิทช์) ในระดับที่ค่อนข้างสูง จากการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราทุน และตราสารหนี้ภาคเอกชนเพื่อรักษาผลตอบแทนโดยรวม โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2564 บริษัทมีอัตราส่วนสินทรัพย์เสี่ยงต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ที่ระดับ 258% (สิ้นปี 2563: 249%) ซึ่งสูงกว่าระดับคาดการณ์ของฟิทช์สำหรับบริษัทประกันชีวิตที่มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลที่ระดับ 'A' โดยอัตราส่วนสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากสัดส่วนการลงทุนของบริษัทที่เพิ่มขึ้นในตราสารหุ้นและตราสารหนี้ที่มีอันดับเครดิตสากลต่ำกว่าระดับลงทุน (investment grade) รวมถึงเงินลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่ถูกนำไปคำนวณความเสี่ยงที่ 15% ของการลงทุนด้วย ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาการจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ ทั้งนี้บริษัทมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ที่ 306% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2564

ความสามารถในการทำกำไรของ MTL ยังคงแข็งแกร่ง แม้สภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจจะค่อนข้างซบเซา บริษัทมีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่อปีที่ 11.5% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2564 ซึ่งสูงกว่าความคาดหมายของฟิทช์สำหรับบริษัทประกันชีวิตที่มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลที่ระดับ 'A' นอกจากนี้ฟิทช์ยังคาดว่าการขยายตัวไปในธุรกิจประกันเพื่อความคุ้มครอง และประกันสุขภาพ จะช่วยให้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทปรับตัวดีขึ้น

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (IFS Rating) และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating)

  • การปรับตัวลดลงของสัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (RBC) มาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 280% และการปรับตัวแย่ลงของระดับเงินกองทุนของบริษัทซึ่งวัดจากแบบจำลอง Prism Model ของฟิทช์ลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า "ระดับแข็งแกร่ง" เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
  • การปรับตัวลดลงของความสามารถในการทำกำไรซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ต่ำกว่า 8% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
  • การปรับตัวเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงด้านสินทรัพย์และการลงทุน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญของอัตราส่วนสินทรัพย์เสี่ยงต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
    อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (IFS Rating)
  • การปรับตัวเพิ่มขึ้นของระดับเงินกองทุนของ MTL ซึ่งวัดจากแบบจำลอง Prism Model ของฟิทช์ ขึ้นมาอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ('Strong') ได้อย่างต่อเนื่อง และ
  • บริษัทมีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นและมีการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมหลากหลายประเภทธุรกิจมากขึ้น ด้านการกระจายตัวเชิงภูมิศาสตร์ที่ดีขึ้น และช่องทางการขายมีความหลากหลาย

อัตราความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating)

  • อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของ MTL ไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศที่อยู่ในอันดับเครดิตที่สูงที่สุดแล้ว

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg


ข่าวบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต+เมืองไทยประกันชีวิตวันนี้

เมืองไทยประกันชีวิต ให้การต้อนรับ วปส. รุ่นที่ 13 พร้อมจัดบรรยายพิเศษ "เมืองไทยมีสาระ" เปิดมุมมองด้านประกันชีวิต และนวัตกรรมแห่งการสร้างความสุขที่ยั่งยืน

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วย นางจันทรา บูรณฤกษ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท นางณาตยา สุขุม กรรมการบริษัท ดร.ณฐพร พันธุ์อุดม กรรมการบริษัท และคณะผู้บริหาร ร่วมให้การต้อนรับ นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และคณะผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) รุ่นที่ 13 (Thailand Insurance Leadership Program) ในโอกาสเข้าศึกษาดูงาน ณ