- การประชุมนี้เปรียบได้กับ "การประชุมดาวอสด้านสุขภาวะดิจิทัล" โดยจะสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความจริงที่ซ่อนอยู่ของความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสื่อดิจิทัล
- การประชุมสุดยอดสองวัน (29-30 มีนาคม) จะนำนักวิชาการ ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี บุคคลสำคัญด้านวัฒนธรรม และผู้กำหนดนโยบาย มารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและวิธีการแก้ปัญหา เพื่อปรัปปรุงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับเทคโนโลยี
- คนดังอย่างไซมอน ซิเนค (Simon Sinek) รวมถึงผู้บริหารจากไอบีเอ็ม ยูเนสโก และไชลด์เน็ต จะมาเป็นวิทยากรในการประชุมย่อยหลายหัวข้อตลอดงาน
- ผลการวิจัยของซิงค์แสดงให้เห็นว่า คนเกือบครึ่งหนึ่ง (48%) ใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากเกินกว่าที่ตนเองต้องการทุกวัน
ด้วยความพยายามที่จะสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสุขภาวะดิจิทัล ทางโครงการส่งเสริมสุขภาวะดิจิทัล "ซิงค์" (Sync) จึงเตรียมเปิดเวทีให้บรรดาผู้นำจากแวดวงเทคโนโลยี วิชาการ กีฬา วัฒนธรรม และนโยบาย มารวมตัวกันในช่วงสิ้นเดือนนี้ ในการประชุมสุดยอดสุขภาวะดิจิทัล "ซิงค์ ดิจิทัล เวลบีอิ้ง ซัมมิต" (Sync Digital Wellbeing Summit) ครั้งแรก
การประชุมครั้งนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม ณ ศูนย์วัฒนธรรมโลกคิงอับดุลอาซิซ หรือ อิทรา (King Abdulaziz Centre for World Culture หรือ Ithra) ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้บรรดาผู้นำทางความคิดได้พัฒนาวิธีการแก้ปัญหาใหม่ ๆ เพื่อปกป้องสุขภาวะของผู้ใช้สื่อดิจิทัลทั่วโลก
การประชุมจะมุ่งเน้นไปที่ 5 ประเด็นหลัก โดยเหล่าวิทยากรจะมานำเสนอข้อมูลเชิงลึกและมุมมองในหัวข้อการเสพติดสื่อดิจิทัล, ความเป็นส่วนตัว, ข่าวปลอมและข้อมูลเท็จ, ความสัมพันธ์ และอัลกอริทึม โดยหวังว่าการแลกเปลี่ยนความคิดและองค์ความรู้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในส่วนของการมีปฏิสัมพันธ์ การกำกับดูแล และการออกแบบแพลตฟอร์มดิจิทัล
อับดุลลาห์ อัล-ราชิด ( Abdullah Al-Rashid) ผู้อำนวยการของซิงค์ กล่าวว่า "ความเข้าใจเรื่องผลกระทบอันซับซ้อนของเทคโนโลยีดิจิทัลและโซเชียลมีเดียที่มีต่อความสัมพันธ์ สุขภาวะส่วนบุคคล และสังคม ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับความเข้าใจที่มีต่อเทคโนโลยี รวมถึงการดึงดูดยอดคลิก ยอดไลก์ และยอดเอ็นเกจเมนต์ให้ได้มากที่สุด เมื่อไม่กี่ปีมานี้เองที่เราเริ่มมีการพูดคุยถึงอันตรายของความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสื่อดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ปัจจุบัน สถานการณ์โรคระบาดทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลบูรณาการเข้ากับชีวิตของเรามากขึ้น ดังนั้นเราจำเป็นต้องพูดคุยกันให้มากขึ้นในประเด็นนี้ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจว่าเราจะมองเห็นภาพรวมทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงการนำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่มุ่งเน้นปลายเหตุแทนที่จะเป็นต้นเหตุ รวมถึงวิธีแก้ปัญหาระยะสั้นเพียงบางส่วนและไม่ครอบคลุม แทนที่จะเป็นวิธีแก้ปัญหาระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม"
"การประชุมซิงค์ ดิจิทัล เวลบีอิ้ง ซัมมิต จะเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของวงการ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญ บุคคลเด่นด้านวัฒนธรรม และอินฟลูเอนเซอร์ ได้พูดคุยกันในประเด็นสุขภาวะดิจิทัลในระดับที่ครอบคลุมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยในการประชุมย่อยในหัวข้อต่าง ๆ บรรดาผู้นำทางความคิดจะถามคำถามที่ท้าทายแต่มีความสำคัญเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนเรากับเทคโนโลยี รวมถึงให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบและนำเสนอทางออกของปัญหาที่เรากำลังเผชิญ เราต้องร่วมกันถามคำถามที่ตรงจุดจึงจะประสบผลสำเร็จในการกำหนดเส้นทางไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างคนเรากับเทคโนโลยี"
ผู้นำทางความคิด
บรรดาผู้นำทางความคิดที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งนี้ประกอบด้วยบุคคลที่มีชื่อเสียงจากแวดวงเทคโนโลยี องค์กรเอ็นจีโอ มูลนิธิ ภาครัฐ และชุมชนอินฟลูเอนเซอร์ด้านวัฒนธรรม โดยวิทยากรหลักประกอบด้วย
วิลล์ การ์ดเนอร์ ซีอีโอของไชลด์เน็ต องค์กรการกุศลจากสหราชอาณาจักรซึ่งส่งเสริมอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับเด็ก ๆ กล่าวว่า "โลกออนไลน์มอบโอกาสมากมายให้แก่เด็ก ๆ แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่เด็กทั่วโลกต้องเผชิญ จึงจำเป็นต้องมีนโยบาย การกำกับดูแล การปกป้อง และการให้ความรู้ เพื่อให้เท่าทันสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อรับประกันว่าเด็ก ๆ จะสามารถดูแลตัวเองและผู้อื่นได้บนโลกออนไลน์ รวมถึงเพื่อรับฟังเสียงของเด็ก ๆ และให้พวกเขาได้แบ่งปันประสบการณ์ ความกังวล และความคิดเห็น ผมตั้งตารอที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างความก้าวหน้าในภาคส่วนนี้ ในการประชุมซิงค์ ดิจิทัล เวลบีอิ้ง ซัมมิต"
วิทยากรที่เข้าร่วมการประชุมจะได้รับเชิญให้พูดคุยในหัวข้อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะดิจิทัล ขณะที่ผู้ฟังก็จะได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสุขภาวะดิจิทัลจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญ โดยการอภิปรายแบบคณะและการกล่าวสุนทรพจน์สำคัญประกอบด้วย
สำหรับวาระการประชุมทั้งหมดจะมีการประกาศเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
ภายในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ยังมีการเปิดเวทีเสวนาสาธารณะเพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์แนวคิดเชิงกลยุทธ์ใหม่ ๆ โดยแบ่งเป็นการประชุมกลุ่มย่อยซึ่งผู้เข้าร่วมสามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาวะดิจิทัลทั่วโลก โดยหัวข้อของการประชุมกลุ่มย่อยคือ "อนาคตของสุขภาวะดิจิทัลแบบที่เราต้องการ" (The Digital Wellbeing Future We Want) และ "การขับเคลื่อนสุขภาวะดิจิทัลทั่วโลก" (Building A Global Digital Wellbeing Movement)
ในระหว่างการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ซิงค์จะจัดการประชุมย่อยเพื่อเจาะลึกร่วมกับเอสเอ็มอีและนักวิจัยจากหลายประเทศที่มีประสบการณ์และภูมิหลังแตกต่างหลากหลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับสุขภาวะดิจิทัล รวมถึงหนทางข้างหน้าและอนาคตของสุขภาวะดิจิทัล
ข้อมูลจากซิงค์สะท้อนความน่ากังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนกับเทคโนโลยี
การประชุมสุดยอดครั้งนี้จัดขึ้นหลังจากที่มีการเผยแพร่สมุดปกขาวฉบับแรกของซิงค์ [1] นั่นคือ รายงานสุขภาวะดิจิทัลทั่วโลกประจำปี 2564 (Global Digital Wellbeing Report 2021) โดยผลวิจัยแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีและสื่อใหม่ฝังลึกลงในชีวิตประจำวันของเราอย่างไรในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา โดยเน้นไปที่แนวโน้มที่รวดเร็วขึ้นอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โรคระบาด นอกจากนี้ ผลวิจัยจากรายงานสุขภาวะดิจิทัลทั่วโลกยังถูกกล่าวถึงในเอกสารที่เผยแพร่โดยศาสตราจารย์จัสติน คณบดีคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยซายิด และนักวิจัยของซิงค์ ในวารสารฟรอนเทียร์ อิน ไซคายอะทรี (Frontier in Psychiatry) ซึ่งเป็นวารสารจิตวิทยาแบบพหุวิทยาการที่ได้รับการกล่าวอ้างถึงมากที่สุดในโลก โดยสามารถอ่านบทความดังกล่าวได้ที่นี่
ผลการสำรวจประชากร 15,000 คนที่มีการระบุถึงทั้งในรายงานและเอกสารข้างต้น เผยให้เห็นว่า
พันธมิตรด้านความรู้
เมื่อไม่นานมานี้ ซิงค์ได้ประกาศความร่วมมือกับศูนย์วิจัยสุขภาวะดิจิทัลแห่งมหาวิทยาลัยมิลาโน-บิคอคคา (Digital Wellbeing Research Center at University of Milano-Bicocca) โดยจะมีการใช้แนวทางใหม่แบบองค์รวมในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษากับสมาร์ทโฟน รวมถึงผลกระทบที่มีต่อสมาธิและความวิตกกังวลในบริบททางสังคมต่าง ๆ
มาร์โก กุย ( Marco Gui) ผู้อำนวยการศูนย์ฯ กล่าวว่า "นักศึกษามหาวิทยาลัยทุกคนในปัจจุบันมีสมาร์ทโฟน ซึ่งมอบการเชื่อมต่อที่คนรุ่นก่อนทำได้แค่ฝันถึง แต่ก็มีสิ่งที่ต้องสูญเสียไปเช่นกัน เราขอขอบคุณซิงค์ที่สนับสนุนวิธีการใหม่ของเราในการสำรวจประโยชน์และผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการเชื่อมต่อกันแบบถาวรผ่านเทคโนโลยี"
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sync.ithra.com/
เกี่ยวกับซิงค์
ซิงค์เป็นโครงการส่งเสริมสุขภาวะดิจิทัลที่ริเริ่มโดยศูนย์วัฒนธรรมโลกคิงอับดุลอาซิซ หรือ อิทรา ด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างโลกที่เราทุกคนสามารถควบคุมชีวิตดิจิทัลของตนเองได้ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยอันครอบคลุมซึ่งเกิดจากการร่วมมือกับหน่วยงานระดับโลกหลายแห่ง เพื่อทำความเข้าใจความแพร่หลายของเทคโนโลยีและผลกระทบที่มีต่อชีวิตคนเรา จากนั้นนำความรู้ที่ได้รับมาใช้สร้างสรรค์แคมเปญ เครื่องมือ ประสบการณ์ สื่อการเรียนการสอน และโครงการต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ของสาธารณชนทั่วโลก
ติดตามซิงค์ได้ทางทวิตเตอร์ https://twitter.com/SyncIthra หรือเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/SyncIthra
เกี่ยวกับอิทรา
ศูนย์วัฒนธรรมโลกคิงอับดุลอาซิซ หรือ อิทรา เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านวัฒนธรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดของซาอุดีอาระเบีย โดยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่มีความสนใจใคร่รู้ มีความคิดสร้างสรรค์ และต้องการแสวงหาความรู้ อิทราสร้างประสบการณ์ระดับโลกในพื้นที่สาธารณะแบบอินเทอร์แอคทีฟ ผ่านทางโปรแกรม การแสดง นิทรรศการ กิจกรรม และโครงการที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งนำวัฒนธรรม นวัตกรรม และองค์ความรู้มาผสมผสานกันในรูปแบบที่ดึงดูดใจทุกคน อิทราเชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์ มุมมองที่ท้าทาย และแนวคิดที่แปลกใหม่เข้าด้วยกัน และภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำด้านวัฒนธรรมแห่งอนาคตที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ทั้งนี้ อิทราเป็นโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (CSR) ระดับเรือธงของบริษัท ซาอุดี อารามโค (Saudi Aramco) และเป็นศูนย์วัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยประกอบด้วยโซนต่าง ๆ ได้แก่ ไอเดีย แล็บ (Idea Lab), ห้องสมุด, โรงภาพยนตร์, โรงละคร, พิพิธภัณฑ์, ส่วนจัดแสดงพลังงาน (Energy Exhibit), หอประชุมใหญ่, พิพิธภัณฑ์เด็ก และอิทรา ทาวเวอร์ (Ithra Tower)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ithra.com
ติดตามอิทราทางโซเชียลมีเดียได้ที่เฟซบุ๊ก (King Abdulaziz Center for World Culture), ทวิตเตอร์ (@Ithra) และอินสตาแกรม (@Ithra) #Ithra
[1] อ้างอิงมาจากการสำรวจประชากร 15,000 คน ใน 30 ประเทศ ซึ่งมอบหมายโดยซิงค์ และดำเนินการโดยพีเอสบี มิดเดิลอีสต์ (PSB Middle-East) ในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2564
Pearl Abyss announced today that Black Desert Thailand and Southeast Asia is celebrating its 6th anniversary with festive events filled with great rewards. Adventurers can log in to the game and engage in exciting moments, receive rewards, and even acquire the game for free for those who are new to Black Desert. Upon the beginning of service in 2018, Black Desert Thailand and Southeast Asia has witnessed multiple milestones mainly due to continuing support from Adventurers in the regions
Black Desert เซิร์ฟเวอร์ไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉลองครบรอบ 6 ปี ด้วยกิจกรรมแจกของรางวัลมากมาย
—
บริษัท Pearl Abyss ได้ประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับ การเฉ...
Black Desert Mobile ได้เผยแพร่เนื้อหาใหม่ รวมถึงเปิดตัวอาชีพ 'สกอลาร์' และซีซั่นใหม่ ในงานเลี้ยงคาลเพออน 2023
—
บริษัท Pearl Abyss ได้ประกาศรายละเอียดเกี่...
Black Desert Mobile's 2023 Calpheon Ball Introduced Extensive Upcoming Content Along with New Class Scholar and New Season
—
Pearl Abyss announced today t...
Black Desert Mobile เปิดตัวพื้นที่ใหม่ "ประเทศแห่งรุ่งอรุณ"
—
บริษัท Pearl Abyss ได้ประกาศเปิดตัวพื้นที่ใหม่ 'ประเทศแห่งรุ่งอรุณ' ใน Black Desert Mobile '...
Black Desert Mobile Reveals New Region "Land of the Morning Light"
—
Pearl Abyss announced today that the "Land of the Morning Light'' region has been rel...
Additional story DLC for Resident Evil 4 out now, offers new exhilarating action and different play feel
—
Starting today, September 21st, the critically ...
DLC เกม Resident Evil 4 พร้อมให้เล่นแล้ววันนี้ เผยแอคชั่นใหม่สุดระทึก กับฟีลการเล่นที่แตกต่าง
—
เริ่มตั้งแต่วันนี้ 21 กันยายน เกมดังขวัญใจนักวิจารณ์อย่าง ...