"ทองคำ" มีโอกาสสร้างจุดสูงสุดใหม่ โลกเผชิญความขัดแย้งปัจจัยหนุนราคา "ทองคำ-น้ำมัน" ไปต่อ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

นักลงทุนรุ่นใหม่ประเมินโลกเผชิญความขัดแย้งระหว่างประเทศระยะยาว เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ จับตาธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์สงคราม ล่าสุดแนวโน้มราคา "ทองคำ-น้ำมัน" เป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน ด้านบิทคอยน์ยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ ราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ขณะที่ตลาดหุ้นโลกน่าสนใจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวจากโควิดในระยะยาว

"ทองคำ" มีโอกาสสร้างจุดสูงสุดใหม่  โลกเผชิญความขัดแย้งปัจจัยหนุนราคา "ทองคำ-น้ำมัน" ไปต่อ

นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า "ทองคำ" มีโอกาสจะเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ดีในปีนี้ เนื่องจากโลกมีความเสี่ยงเผชิญกับความขัดแย้งระหว่างประเทศตลอดทั้งปี โดยประเมินความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงในระยะยาว แม้ว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายได้ แต่ทั่วโลกจะหันมาจับตาการเคลื่อนไหวของรัสเซียหลังจากนี้

"ประเด็นของรัสเซียกับยูเครนน่าจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ปัญหาความขัดแย้งของโลก ความไม่ลงรอยของกลุ่มผู้นำประเทศเดินหน้าเข้าสู่ภาวะตึงเครียดในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปอีกนาน โดยผลการโหวตในสหประชาชาติได้สะท้อนแล้วว่าโลกถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายสหรัฐอเมริกา ที่มี NATO เป็นแกนนำกับฝั่งทางรัสเซีย ขณะที่ จีน ยังมีประเด็นอ่อนไหวของไต้หวันที่รอจะเกิดขึ้นอีก ทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่ทุกฝ่ายมองแล้วว่าเป็นตัวเลือกปลอดภัยอันดับที่หนึ่ง หากโลกเข้าสู่ภาวะไม่แน่นอนและน่าจะเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ด้วย"

ประกอบกับ "ทองคำ" ยังมีประเด็นเรื่องของการเป็นสินทรัพย์ที่สามารถบริหารความเสี่ยงกับอัตราเงินเฟ้อได้ ถ้าหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) นำปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศมาใช้ในการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยช้าลงกว่าที่คาด ทองคำ ยังมีโอกาสได้รับปัจจัยหนุนจากเงินเฟ้อ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับสูง จากราคาน้ำมันที่ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องด้วย

ทางด้านปัจจัยทางเทคนิค ราคาทองคำ ได้ทะลุกรอบราคาแนวโน้ม Sideway ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้วออกมาได้ หากราคาไม่ลงมาต่ำกว่าระดับ 1,840 ดอลลาร์สหรัฐฯ ยังถือว่าเป็นเพียงแค่การย่อตัวเพื่อที่จะปรับตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 2,077 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีโอกาสที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ จึงมองว่าควรมีทองคำติดอยู่ในพอร์ตในปีนี้ โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี (YTD) ปรับตัวขึ้น 7.8% ขณะที่ "น้ำมัน" เป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนมากที่สุดตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ปรับตัวขึ้นกว่า 50% แล้ว

นายณพวีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ราคาบิทคอยน์มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นในระดับสูง จึงไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง แต่ถูกจัดให้เป็น Risky Asset มากกว่า สังเกตว่าตลาดหุ้นทั่วโลกถูกเทขาย บิทคอยน์จะได้รับแรงกดดันไปด้วย โดยแนวรับสำคัญที่ต้องจับตาคือจุดต่ำสุดของรอบนี้ที่ 33,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้าไม่หลุดจากระดับนี้ ราคาบิทคอยน์จะยังคงเคลื่อนตัวในกรอบแบบ Sideway

"ในระยะสั้น หากความตึงเครียดระหว่างระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงอยู่ ราคาบิทคอยน์คงไม่กลับมาเป็นขาขึ้น ยกเว้นแต่ว่ารัสเซียจะหันมาใช้งานบิทคอยน์อย่างจริงจัง แต่หากบิทคอยน์ถูกนำมาใช้เป็นระบบการเงินทางเลือกในภาวะสงครามดังกล่าว ก็น่าจะเป็นการเสริมปัจจัยพื้นฐานบิทคอยน์ที่ดีขึ้นในระยะยาว"

ด้านตลาดหุ้นทั่วโลก หากดูจากกราฟเทคนิคจะเห็นว่าดัชนีส่วนใหญ่ลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ตลาดหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนี และดัชนี EURO Stoxx50 ที่ติดลบลง 17% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา รวมถึงดัชนี NASDAQ ที่ติดลบ 15%

"ตลาดหุ้นยังคงน่าลงทุน เพียงแต่ต้องรอให้ภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน มีทางออกที่ชัดเจนเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการสงบศึก หรือ มีฝ่ายแพ้-ชนะ ที่ชัดเจน การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้น เป็นเพียงปัจจัยเชิงจิตวิทยา หากเลือกลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาวได้ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังไวรัสโควิด เช่น กลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยว"

สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้ คือการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) วันที่ 16 มีนาคมนี้ ที่เดิมคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.50% ในครั้งเดียว อาจจะเป็นไปได้ว่าจะขึ้นเพียงแค่ 0.25% รวมถึงความคิดเห็นจากประธาน FED ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะนำไปสู่ทิศทางราคาของแต่ละสินทรัพย์ต่อไป


ข่าวo:editor+o:finวันนี้

NUT เตรียมพร้อมระดมทุนจาก IPO เดินหน้าโรดโชว์ ให้ข้อมูลนักลงทุน

บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT ผู้นำด้านการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบวงจร เตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อยอดการเติบโตและสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ นายภาคิณ กิตติภานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT ผู้นำด้านการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมความพร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 37 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 30.83 ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่าย

พบบ้านมือสองกว่า 400 รายการทั่วประเทศ ลดร... ธอส. ชวนชาวใต้มีบ้านเป็นของตนเอง ร่วมงาน "มหกรรมบ้านธนาคาร 68 จ.สุราษฎร์ธานี" — พบบ้านมือสองกว่า 400 รายการทั่วประเทศ ลดราคาสูงสุดถึง 50% ตั้งแต่วันนี้ 11...

UOB Thailand partners with Shell Thailand... UOB Thailand partners with Shell to offer exclusive fuel promotion for its cardholders — UOB Thailand partners with Shell Thailand to provide exclusive re...