ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2565 จำนวน 10,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลของการขยายตัวของฐานรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและการตั้งเงินสำรองที่ลดลง ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองจำนวน 21,713 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 4.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยภายใต้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการลงทุนที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้วที่มีการปิดเมืองเป็นวงกว้าง
ในไตรมาส 1 ของปี 2565 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 24,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและอัตราผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อที่ปรับตัวดีขึ้นในขณะที่สินเชื่อรวมขยายตัวเล็กน้อย
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 12,960 ล้านบาท ลดลง 9.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลของการลดลงของรายได้จากเงินลงทุน และการชะลอตัวของธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งภายใต้สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีจำนวน 15,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเกิดจากกิจกรรมทางธุรกิจโดยรวมที่เพิ่มมากขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของธนาคารอยู่ที่ 42.4% ในไตรมาส 1 ของปี 2565
ธนาคารได้ตั้งเงินสำรองในไตรมาส 1 ของปี 2565 จำนวน 8,750 ล้านบาท ลดลง 12.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ภายหลังจากที่ธนาคารได้ตั้งเงินสำรองไว้ในระดับที่สูงกว่าสภาวะปกติตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 อยู่ที่ 3.70% ปรับตัวลดลงจาก 3.79% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารยังอยู่ในระดับสูงที่ 143.9% และเงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคารยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.6%
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า "ผลการดำเนินงานของธนาคารในไตรมาสแรกสะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่โดยรวมยังคงมีความเปราะบางและมีความแตกต่างในแต่ละภาคส่วน อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความท้าทายและความผันผวนอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบของธนาคาร โดยผ่านโครงการการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จภายใต้กรอบของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อให้ลูกค้าสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว ซึ่งในปัจจุบันยอดสินเชื่อภายใต้โครงการฯ (มาตรการสีฟ้า) มีจำนวน 249,000 ล้านบาท สุดท้ายนี้ ธนาคารมีความยินดีกับผลสำเร็จของการแลกหุ้นของธนาคารไปสู่บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับการตอบรับคำเสนอซื้อหุ้นมากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ และฝ่ายจัดการมีความเชื่อมั่นที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวจากการปรับโครงสร้างนี้"
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets) ค่าเงินบาทประจำวันที่ 22 ตุลาคม 2568
ศึกใหญ่เปิดสนาม! SANSIRI ARENA: แชมป์เปี้ยนดีล ลดสูงสุด 10 ล้าน* แสนสิริลุยเต็มสูบ ยกสนามกีฬามาไว้ใจกลางมหกรรมบ้านและคอนโด
SCB ตอกย้ำผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง เปิดตัว "มณี รับทรัพย์" ตัวช่วยแจ้งเตือนร้านค้าเมื่อมีเงินเข้าผ่าน QR Code มั่นใจเงินเข้าบัญชีได้ชัวร์ ไม่ต้องรอเช็กยอด
ไทยพาณิชย์ คว้า 4 รางวัลใหญ่ระดับสากลด้าน AI ยืนหนึ่งผู้นำดิจิทัลแบงก์กิ้ง มุ่งสู่ AI-First Bank เต็มรูปแบบ
วีซ่า จับมือ SCB และ Soft Space อัปเวลประสบการณ์ใช้จ่ายให้นักท่องเที่ยว ด้วย "Tap to Pay" แตะจ่ายง่าย นำร่องแหล่งชอปปิงทั่วกรุง
กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ โดยธนาคารไทยพาณิชย์จับมือ NECTEC และ VISTEC ดึงศักยภาพเยาวชนสายวิทย์ทำโครงงาน "นวัตกรรมสีเขียวสู่ความยั่งยืนในยุค AI"
SCB FM มองเงินบาทในระยะสั้นจะเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าหาก US shutdown จบลงเร็ว แต่มองว่าบาทจะยังกลับมาแข็งค่าได้ในระยะต่อไป
SCB WEALTH จับจังหวะดอลลาร์อ่อน เปิดขาย SCBUSDABSAP วันที่ 7-15 ต.ค.นี้ เน้นลงทุนในหุ้นเอเชียแปซิฟิกด้วยสกุลUSDมุ่งสร้างผลตอบแทนทุกสภาวะตลาด
"Skill Shift: Build Smart. Work Smarter." มจธ. ผนึกกำลังธนาคารไทยพาณิชย์ปั้นแรงงานไทยพร้อมรับมืออนาคตการทำงานยุค AI