บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ (JR) เปิดแผนปี 2565 ปักธงรายได้โต 15-20% จากปีก่อน เดินหน้ารับรู้รายได้จาก Backlog ที่ตุนไว้แล้วกว่า 4.9 พันล้านบาท คาดรับรู้ปีนี้ 50% ฟากซีอีโอ " จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ" ระบุงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สีชมพู เฟส 2 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท คาดเปิดให้ยื่นประมูลต้นปีนี้ หนุนงานในมือทะลุ 1 หมื่นลบ. พร้อมจับมือพันธมิตรรายใหญ่กลุ่มพลังงาน ศึกษาธุรกิจออกแบบวิศวกรรมระบบ และงานก่อสร้างที่เกี่ยวกับการลดก๊าซคาร์บอนฯ หวังเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ หนุนอนาคตโตยั่งยืน
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีการเติบโตของรายได้ในระดับ 15-20% เนื่องจากปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้(Backlog) มูลค่ารวม 4.9 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้ได้ในปีนี้ประมาณ 50% ที่เหลือจะรับรู้ในปีถัดไป และยังไม่นับรวมงานโครงการใหม่ที่จะเข้าประมูลเพิ่มเติมอีก
"แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 2565 แม้ยังคงต้องเผชิญกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์ แต่เชื่อว่าบริษัทฯยังสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ เพราะมีงานรอรับรู้รายได้ในมือรองรับไว้อยู่แล้ว ขณะที่คาดว่างานในโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สีชมพู เฟส 2 มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท น่าจะเปิดให้ประมูลได้ภายในช่วงต้นปีนี้ ขณะที่ยังมีงานวางระบบสื่อสารอีกบางส่วน ซึ่งจะสนับสนุนให้มูลค่า Backlog เพิ่มขึ้นแตะ 1 หมื่นล้านบาท"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า บริษัทฯมั่นใจว่าจะสามารถรักษาความสามารถการทำกำไรไว้ได้ เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ แม้ต้นทุนวัตถุดิบจะมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทฯสามารถบริหารจัดการให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้บริษัทฯยังคงเดินหน้าในการร่วมมือกับพันธมิตรรายใหญ่หลายรายในกลุ่มพลังงาน เพื่อศึกษาแนวทางการทำธุรกิจวิศวกรรมวางระบบ และการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยสนับสนุนการลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการในธุรกิจพลังงานจะต้องเร่งให้ความสำคัญ และจะมีการลงทุนมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯประเมินว่าจะมีมูลค่าการลงทุนที่สูงสามารถช่วยสร้างรายได้เพิ่ม และสนับสนุนการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
วายแอลจีชี้ ราคาทองคำในระยะสั้นมีความผันผวนค่อนข้างสูง แต่เชื่อราคาลงไม่ลึก ราคาฟื้นตัวหลังจากพักฐานที่โซน 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นทำระดับสูงสุดสัปดาห์นี้ 3,438 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งใกล้กับเป้าหมายแรก และเป็นระดับสูงสุดในประวัติกาลที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ล่าสุดวันนี้ (8 พ.ค.) ถูกขายทำกำไรหลังมีสัญญาณการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศคู่ค้ามีความคืบหน้า ระยะสั้นเริ่มเห็นแรงขายทำกำไร แต่ระยะกลางวายแอลจีประเมินว่าการเจรจาการค้านั้นไม่สามารถคลี่คลายทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง
SCB FM มองเงินบาทแข็งค่าจากปัจจัยต่างประเทศ ในระยะต่อไป คาดว่าอาจแข็งค่าต่อได้ แต่ต้องจับตาการขึ้น Tariffs ที่อาจทำให้อ่อนค่าบางช่วง
—
กลุ่มงานตลาดการเงิน...
ทีทีบี ชวนแฟนคลับร่วมฉลอง 30 ปี แห่งความทรงจำในงาน "Toy Story 30 Years & Beyond"
—
พบโปรโมชันสมัครบัตรเดบิต ทีทีบี ออลล์ฟรี ดิสนีย์ และโปรโมชันใช้จ่ายภายใ...
EXIM BANK ขานรับนโยบายรัฐแบ่งเบาภาระภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate เหลือ 6.15% ต่อปี ต่ำที่สุดในระบบ
—
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรม...
INETREIT ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 กวาดรายได้ 168.09 ล้านบาท เติบโต 58.50% เคาะจ่ายปันผลรายเดือน 0.0667 บาทต่อหน่วย
—
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสัง...
SCBX เปิดตัวรายงาน AI Outlook 2025: Beaconing the Future of Artificial Intelligence พร้อมเทรนด์ AI สำคัญสำหรับภาคธุรกิจไทย
—
เตรียมความพร้อมสู่การเป็นองค์...
SPREME สุดสตรอง! โชว์งบ Q1/68 กำไรเพิ่มขึ้น 6.4% งานส่งมอบอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง ดันอัตรากำไรขั้นต้นสูง 32.76% ปี 68 ปักหมุดรายได้เติบโต 10-15%
—
บมจ.สุพรีม ...
PREB เตรียมออกหุ้นกู้ อายุ 2 ปี ชูอัตราดอกเบี้ย 5.25-5.40% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 26-28 พ.ค.68
—
นายวิโรจน์ เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บร...