"ลุมพินี วิสดอมฯ"ระบุ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เร่งเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยทั้งอาคารชุดและบ้านพักอาศัย ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ทำให้มีอัตราการเติบโตสูงถึง 121% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2564 และมีแนวโน้มเปิดตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 คาดทั้งปีเติบโตไม่น้อยกว่า 20-25% ถึงแม้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปี
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทด้านวิจัยและพัฒนาในเครือบริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) "ลุมพินี วิสดอม" กล่าวถึงแนวโน้มการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2565 ว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยทั้งอาคารชุดและบ้านพักอาศัยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปี 2565 ถึงปัจจุบัน เฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 (มกราคม-มิถุนายน 2565) มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 163 โครงการ คิดเป็นจำนวนหน่วยเปิดตัวทั้งสิ้น 51,946 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 188,373 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121% และ 45% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2564
ในจำนวนโครงการใหม่ที่เปิดตัวทั้งหมดแบ่งเป็นการเปิดตัวโครงการอาคารชุดพักอาศัย 48 โครงการ คิดเป็นจำนวนหน่วยเปิดตัวทั้งสิ้น 30,579 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 78,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 231% และ 40% ตามลำดับเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2564 และมีอัตราการขายเฉลี่ยที่ 33% ต่อโครงการต่อเดือน ในขณะที่เป็นการเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัย 115 โครงการ คิดเป็นจำนวนหน่วยเปิดตัวทั้งสิ้น 21,367 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 110,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% และ 48% ตามลำดับเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2564 และ มีอัตราการขาย เฉลี่ย 12% ต่อโครงการต่อเดือน
บ้านพักอาศัยที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดเป็นบ้านพักอาศัย ประเภททาวน์เฮ้าส์ ที่มีระดับราคา 2-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่มีจำนวนหน่วยเปิดตัวและหน่วยขายได้สูงที่สุดของบ้านพักอาศัยทุกประเภท โดยมีอัตราการขายเฉลี่ย 12% ต่อโครงการต่อเดือน โดยทำเลที่มีการเปิดตัวทาวน์เฮ้าส์สูงสุด อยู่ในย่านรังสิต-ลำลูกกา รองลงมา คือ เพชรเกษม-อ้อมน้อย และทำเลศรีนครินทร์-บางนา-สุวรรณภูมิ ในขณะที่บ้านแฝด ที่ระดับราคา 3-6 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่มีอัตราขายเฉลี่ย 11% เปิดตัวสะสมสูงสุดในทำเลบางใหญ่-ราชพฤกษ์ รองลงมา คือ บางนา-ตราด-สุวรรณภูมิ และบ้านเดี่ยว เปิดใหม่ระดับราคา 6-10 ล้านบาท อัตราขายเฉลี่ย 13% เปิดตัวสะสมในทำเล บางใหญ่-ราชพฤกษ์ รองลงมา คือ ประชาอุทิศ-พุทธบูชา
ในขณะที่แนวโน้มการเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จากการสำรวจของ "ลุมพินี วิสดอมฯ" พบว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ยังคงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้แนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะชะลอตัวซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ผลักดันในราคาน้ำมัน และราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศไทยแตะระดับ 7.66% ในเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 13 ปี ทำให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยครึ่งปีแรก 2565 อยู่ที่ 5.61% ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 5% ก็ตาม แต่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดตัวอาคารชุดพักอาศัย เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้มีการชะลอแผนการเปิดตัวโครงการมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563-2564 ทำให้จำนวนสินค้าที่พร้อมขายในตลาดลดลง จำเป็นที่จะต้องเปิดตัวโครงการอาคารชุดใหม่ เพื่อสร้างฐานลูกค้าและรายได้ในปี 2565-2567 เนื่องจากโครงการอาคารชุดพักอาศัย ต้องใช้ระยะเวลาก่อสร้างและส่งมอบ 18-24 เดือน
แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส สายพันธ์ใหม่ 2019 (COVID-19) สายพันธ์โอมิครอน BA.4-BA.5 และความผันผวนของเศรษฐกิจที่เกิดจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งกระทบต่อระดับราคาน้ำมันและราคาสินค้าอุปโภค บริโภค รวมทั้งภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวของไทย ทำให้ "ลุมพินี วิสดอม" ได้มีการจัดทำความเป็นไปได้ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล์ โดยคำนึงถึง การเติบโตทางเศรษฐกิจ สถานการณ์สงคราม และการแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็น 3 ฉากทัศน์ (3-Scenario) ดังต่อไปนี้ :
"จาก 3 ฉากทัศน์ "ลุมพินี วิสดอม" คาดว่า ความเป็นไปได้ที่การเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จะมีอัตราการเติบโตได้ตามกรณีอัตราการเติบโตปกติ (Base Case) เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จำเป็นที่จะต้องเปิดตัวโครงการใหม่โดยเฉพาะอาคารชุดพักอาศัย เพื่อชดเชยกับจำนวนสินค้าคงเหลือที่ลดลง และเพิ่มปริมาณสินค้าเข้าสู่ตลาดเพื่อสร้างรายได้ในอนาคตให้กับองค์กร ในขณะที่ความต้องการซื้อในตลาดยังคงมีอยู่โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย" นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit