บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค โดยมุ่งหวังให้สังคมไทยมีสติ ใช้สติในการดำเนินชีวิตประจำวัน ได้เดินหน้าสานต่อ "โครงการ LION Goodness Market" Season 2 โดยในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามที่มีคุณภาพได้มาตรฐานจำนวนทั้งหมด 20 ร้านค้า พร้อมก้าวฝ่าทุกวิกฤตไปด้วยกัน การดำเนินโครงการครั้งนี้ เป็นผลต่อเนื่องมาจากสถานการณ์ COVID-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คนไทยหันมาตระหนักเรื่องการดูแลสุขภาพและบริโภคสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น ไลอ้อนเล็งเห็นความสำคัญและต้องการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดี และดูแลตนเองด้วยการบริโภคสินค้าเพื่อสุขภาพ และมากไปกว่านั้นยังสนับสนุนให้อุตสาหกรรมสินค้าเพื่อสุขภาพที่ผลิตในประเทศเติบโตขึ้นอีกด้วย
สำหรับคุณสมบัติของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ มีดังนี้
ทั้งนี้ ผู้ผ่านการคัดเลือกทั้ง 20 ร้านค้า จะไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมโครงการ แต่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เมื่อได้เข้าร่วมโครงการ ไม่ว่าจะเป็น
รวมมูลค่าที่ร้านค้าเข้าร่วมโครงการจะได้รับแบบฟรีๆ กว่า 50,000 บาท/ร้านค้า
ในโครงการ LION GOODNESS MARKET (Season 1) ได้จัดขึ้นในปี 2564 ได้ช่วยสร้างเสริมเพิ่มพูนความรู้ในการขายของออนไลน์ให้ร้านค้าที่ร่วมโครงการรวม 53 ร้านค้า ภายใต้คอนเซปต์ "มีสติ Restart ชีวิตได้ทุกวัน" ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤต COVID-19 ที่ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ไลอ้อนเล็งเห็นว่าด้วยศักยภาพที่บริษัทฯ มีนั้น สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือร้านค้ารายย่อยได้ จึงได้ริเริ่มโครงการดังกล่าว และประสบผลสำเร็จ ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมโครงการ
ร้านค้าหรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ทาง https://bit.ly/3I1YI2b ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 65 - 31 ก.ค. 65 โดยคณะกรรมการจะคัดเลือก 20 ร้านค้าที่ได้เข้าร่วมโครงการ และประกาศผลในวันที่ 10 ส.ค. 65 ทาง Facebook Fanpage: LION Goodness Society
ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ทาง Facebook Fanpage: LION Goodness Society หรือ https://www.facebook.com/LIONGOODNESSSOCIETY สามารถดูเงื่อนไขและกติกาการเข้าร่วมโครงการ #LIONGoodnessMarketSeason2 เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3Ixq7tf
ติดตามกิจกรรมอื่นๆ จากไลอ้อนได้ทาง LINE Official: @lionfamily และ www.lion.co.th
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate เหลือ 6.15% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีหรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์ นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ มีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงิน
แนวคิดเรื่องเงินและแรงผลักดัน การเปลี่ยนแปลงเพื่อความสำเร็จของผู้ประกอบการ
—
ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจจำนวนมากกำลังเผชิญกับความกังวลในใจ ทั้งความไม่มั่...
ก้าวสู่ปีที่ 10 สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิต ธ.ไทยเครดิต สินเชื่อสู่ประตูการค้าขายที่ยั่งยืน
—
ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT ยึดมั่นนโยบายส่งเสร...
EXIM BANK จับมือ RSPO ยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันไทยสู่ความยั่งยืนและแข่งขันได้ในตลาดการค้าโลกที่เข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น
—
นายบัณฑิต ส...
EXIM BANK จัดเต็ม โปรโมชันดี ๆ ช่วยผู้ส่งออกฝ่ามรสุมทรัมป์ 2.0
—
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) จัดเต็ม บริการทางการเงิน พร้อมโปรโ...
แม็คโคร เปิดสาขาพังงา (ตะกั่วป่า) ยกขบวนสินค้าสด ครบ คุ้ม เต็มแม็ค พร้อมจัดโปรสุดคุ้มฉลองเปิดสาขา ตอบรับศักยภาพของจังหวัด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น
—
บริษัท ซีพี...
ฮีโน่เปิดตัวรถบรรทุก HINO EURO 5 พร้อมโซลูชันครบวงจรภายใต้แนวคิด "Always Your Professionals" ตอบสนองความสำเร็จของธุรกิจคุณ ด้วยรถบรรทุกของมืออาชีพ
—
กลุ่มบริษัท...
คาร์เทียร์ ประกาศเปิดรับสมัครผู้ประกอบการเพื่อสังคมหญิง เข้าสู่โครงการระดับโลก Cartier Women's Initiative Awards 2026 ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 24 มิ.ย. 68
—
พร้อมเผยโฉม...
กรุงศรี พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว สนับสนุนสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการ
—
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เ...
มหาวิทยาลัยการจัดการสิงคโปร์ (SMU) ผนึกกำลังจุฬาฯ และมช. หนุนสตาร์ทอัพและธุรกิจด้านเทคโนโลยีของไทยขยายสู่ตลาดอาเซียน
—
พร้อมสนับสนุนให้ผู้หญิงก้าวเป็นผู้น...