บมจ.สแกน อินเตอร์ หรือ SCN อวดผลงบ Q2/2565 กำไรรวมกว่า 300 ล้านบาท ทะยานแตะ 112.12% รับอานิสงส์ธุรกิจก๊าซธรรมชาติโตเด่น ซีอีโอ "ดร.ฤทธี กิจพิพิธ" ลุ้นปี 2565 ทำผลงาน New High นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมขยายฐาน Solar Rooftop ในรูปแบบ Private PPA เต็มพิกัด ปูทางหนุนธุรกิจเติบโตระยะยาวเพิ่ม
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ มีกำไรเติบโตขึ้น 112.12% จากปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรรวมกว่า 300 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการประกอบธุรกิจที่สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังมีแรงหนุนจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่เติบโตอย่างโดดเด่นทั้งในส่วนของเอ็นจีวี (NGV) และก๊าซธรรมชาติอัด (iCNG) จากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ
ธุรกิจก๊าซธรรมชาติช่วยดัน Q2 เติบโต สำหรับก๊าซธรรมชาติ NGV ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความต้องการก๊าซธรรมชาติ NGV เพิ่มสูงขึ้นจากกลุ่มผู้ประกอบการภาคเอกชนมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังส่งผลดีต่อก๊าซธรรมชาติแรงอัด iCNG ขยายตัวมากขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับภาคอุตสาหกรรมนั้น สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นหลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด (Thai-Japan Gas Network หรือ TJN) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SCN ได้ร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตร จากประเทศญี่ปุ่น คือ บริษัท Shizuoka Gas Company Limited โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 49% ส่งผลให้ฐานลูกค้าขยายเพิ่มมากขึ้น "อัตรากำไรของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เติบโตขึ้น 210.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ธุรกิจก๊าซธรรมชาติจึงกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ยังหันมาสนใจใช้ก๊าซธรรมชาติทดแทนมากขึ้น เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ ที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญยังมีราคาถูกกว่าด้วย" ในส่วนของโครงการซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date : COD) เพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการ รวมกำลังการผลิตที่ COD แล้ว 12 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้ง บนหลังคา COD เพิ่มอีก 3 โครงการ โดยปัจจุบัน COD ไปแล้วรวม 21 โครงการ โดยมีขนาดกำลังการผลิตรวม 12 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตในมือทั้งหมดกว่า 19 เมกะวัตต์ ทำให้บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการฯ ทั้งหมดจำนวนกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีเป้าหมายที่จะขยายกำลัง การผลิตอย่างต่อเนื่องภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับภาคเอกชน และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) นอกเหนือจากธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ลุ้นสร้างกำไร New High ต่อเนื่อง "ไตรมาส 2/2565 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และประเมินว่าแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 มีโอกาสที่จะสร้างผลงานการเติบโตสูงสุดใหม่ของบริษัทฯ นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (New High)" อย่างไรก็ตาม ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) และจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) ถือเป็นหนึ่งในอีกธุรกิจที่จะสามารถสร้างผลกำไรเติบโตได้เกินคาด และมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราค่าไฟฟ้าทั่วไปที่ขยับสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีแนวทางขยายฐานธุรกิจในส่วนนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตมากขึ้นในอนาคต
NTF เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ วันแรก ปิดท้ายปลายปี
MSC ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AA ประจำปี 2568
WINMED ลุย! ให้บริการนวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อคนไทย
SO คว้า SET ESG Ratings ปี 68 ระดับ "BBB" พร้อมมุ่งมั่นสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน
TBN เดินหน้าธุรกิจตามหลัก ESG คว้า SET ESG Ratings ระดับ "A" ประจำปี 2568 ตอกย้ำผู้นำดิจิทัลโซลูชันที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน
ดิ เอราวัณ กรุ๊ป คว้าอันดับ "A" ในการประเมิน SET ESG Ratings 2025
PRTR ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ A ประจำปี 2568