ฟิทช์คงอันดับเครดิต ของ บริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด ที่ 'A-(tha)' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด หรือ NNEG และ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันที่ 'A-(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

การประกาศคงอันดับเครดิตของสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ ว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO net leverage) ของ NNEG จะลดลงไปอยู่ในระดับต่ำกว่า 4.3 เท่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า หลังจากที่อัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับที่ฟิทช์อาจพิจารณาปรับลดอันดับเครดิตในปี 2565 ฟิทช์คาดว่ากำไรต่อรายได้ของบริษัทจะได้รับแรงกดดันในระยะสั้นในปี 2565 จากราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นปี 2565 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราส่วนกำไรต่อรายได้ในส่วนการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม เนื่องจากการปรับค่าไฟฟ้าน่าจะมีความล้าช้า และบริษัทมีแผนการบำรุงรักษาขนาดใหญ่ในช่วงดังกล่าว

อันดับเครดิตของ NNEG ได้รับการสนับสนุนจาก ความต้องการไฟฟ้าที่มีความผันผวนต่ำ และกระแสเงินสดที่สามารถคาดการณ์ได้ รวมทั้งการปรับชึ้นค่าไฟฟ้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน อย่างไรก็ปัจจัยดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจาก การลงทุนเพิ่มเติมในการขยายกำลังผลิตที่ยังมีความเสี่ยงในการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผน

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

แรงกดดันต่อกำไร: ฟิทช์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้ (EBITDA Margin) ของบริษัทจะลดลงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 15 ในปี 2565 จากราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และการปรับราคาค่าไฟฟ้าที่ช้ากว่าต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นในส่วนของการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากแผนการซ่อมบำรุงหลักในปี 2565 โดยฟิทช์คาดว่า EBITDA Margin ของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 24 ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป จากค่าไฟฟ้าที่ค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 และราคาก๊าซธรรมชาติที่น่าจะลดลงตามราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงตามการประมาณการของฟิทช์

ค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่เพิ่มขึ้น: ฟิทช์คาดว่า ค่าใช้จ่ายในการลงทุนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับประมาณ 2.2 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนขยายกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 30 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำที่ 5 ตันต่อชั่วโมง โดยส่วนกำลังการผลิตใหม่นี้จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในกลางปี 2567 และให้บริการกับ ลูกค้าอุตสาหกรรมภายใต้สัญญาซื้อขายระยะยาว ซึ่งมีโครงสร้างราคาเหมือนกับสัญญาของลูกค้าปัจจุบัน กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ NNEG ไม่น่าเพียงพอสำหรับการลงทุน ในช่วงเวลาดังกล่าว NNEG มีแผนที่จะใช้หนี้สินและเงินทุนในการลงทุนนี้โดยจะใช้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 70:30

สถานะทางการเงินปานกลาง: ฟิทช์คาดว่า อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 5.5 เท่า ในปี 2565 จากอัตราส่วนการทำกำไรต่อรายได้ที่อ่อนแอลง โดยอัตราส่วนหนี้สินจะปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 4.3 เท่าภายในปี 2566 จากการฟื้นตัวของผลประกอบการ ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทจะยังคงสอดคล้องกับอันดับเครดิตของบริษัท ในช่วงที่มีการลงทุนที่สูงในช่วงปี 2566-2567 เนื่องจาก ขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น และเงินทุนสำหรับการขยายกำลังการผลิตมาจากทั้งเงินกู้และการเพิ่มทุน

สัญญาซื้อขายระยะยาว: กำไรของ NNEG ได้รับประโยชน์จาก สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) ภายใต้โครงการจัดซื้อไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กของไทย โดยบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว ในลักษณะ take or pay ภายใต้โครงการดังกล่าว เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 90 เมกะวัตต์ หรือประมาณร้อยละ 50 ของกำลังการผลิตทั้งหมดของบริษัทฯ ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.;'BBB+' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ในขณะที่บริษัทฯจำหน่ายไฟฟ้าส่วนที่เหลือและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมขนาด 179 เมกะวัตต์ ให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมภายใต้สัญญาซื้อขายระยะยาว ซึ่งมีระยะเวลาสัญญาเหลือเฉลี่ยประมาณ 17 ปี

ความผันผวนของความต้องการไฟฟ้าที่ต่ำ: ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว ของบริษัทกับ กฟผ.นั้น กฟผ.จะต้องรับซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำร้อยละ 80 ของกำลังการผลิตที่ได้ตกลงกันไว้ แม้ว่าสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำกับลูกค้าอุตสาหกรรมจะไม่มีข้อกำหนดปริมาณการซื้อขั้นต่ำ แต่ความเสี่ยงดังกล่าวถูกลดทอนจากความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำที่อยู่ในระดับสูงในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งมีการใช้ไฟฟ้ามากกว่า 300 เมกะวัตต์ และการกระจายตัวของลูกค้าจากหลากหลายอุตสาหกรรม โดยอัตราการใช้กำลังการผลิต (utilisation rate) มีอัตราที่ความผันผวนต่ำและอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 80 รวมทั้งการที่บริษัทสามารถในเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตใหม่ สำหรับโครงการขยายกำลังการผลิตจำนวน 54 เมกะวัตต์ ที่ผ่านมา ทำให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 35 ในปี 2564

ความเสี่ยงด้านราคาในระดับต่ำ: สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว กับ กฟผ.นั้น มีการส่งผ่านค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนเชื้อเพลิงและจากอัตราแลกเปลี่ยนของ NNEG ไปยังค่าไฟฟ้าได้ ในขณะที่การจำหน่ายไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมจะมีการคำนวณราคาขายแบบต้นทุนบวกกำไร อย่างไรก็ตามกำไรจากการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมนั้นมีความเสี่ยงด้านราคาอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าสูตรการคำนวณค่าไฟฟ้าจะใช้ราคาเชื้อเพลิงเข้ามาร่วมประกอบการพิจารณา แต่การปรับค่าไฟฟ้าแต่ละครั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งทำให้อาจส่งผลกระทบในระยะสั้นต่อกำไรของบริษัทฯ ถึงแม้ว่าการปรับค่าไฟฟ้าจะมีถูกปรับให้อยู่ในระดับสมดุลในระยะ2-3ปี

ความเสี่ยงจากการมีโรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียว: NNEG มีโรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียว ซึ่งมีขนาดเล็กและไม่มีการกระจายตัวของรายได้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำหรับอันดับเครดิตของ NNEG รายได้และกระแสเงินสดของ NNEG อาจได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญหากโรงไฟฟ้ามีการหยุดเดินเครื่องโดยไม่ได้วางแผนไว้ หรือประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าลดลง อย่างไรก็ตามสัญญาการว่าจ้างการเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้ากับ กฟผ. และสัญญาบริการระยะยาวกับ Siemens AG (Siemens, A+/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) และระบบป้องกันน้ำท่วมถาวร น่าจะช่วยลดความเสี่ยงจากการดำเนินการดังกล่าว
การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

ลักษณะรายได้และกระแสเงินสดของ NNEG มีความคล้ายคลึงกับ บริษัท โกลบอลเพาเวอร์ซินเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) (GPSC; 'A+(tha)'/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ, อันดับเครดิตโดยลำพัง 'a-(tha)') ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ในประเทศไทย โดยบริษัททั้งสองมีรายได้ที่สม่ำเสมอและสามารถคาดการณ์ได้ จากความเสี่ยงด้านการแข่งขันที่ต่ำเนื่องสัญญาซื้อขายระยะยาว อย่างไรก็ตาม NNEG มีกระจายตัวของสินทรัพย์ และกระแสเงินสดจากการดำเนินการที่น้อยกว่า GPSC อย่างมีนัยสำคัญ ฟิทช์คาดว่า NNEG จะมีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำกว่า GPSC ในช่วง 2-3ปีข้างหน้า เนื่องจาก GPSC มีค่าใช้ด้านการลงทุนขนาดใหญ่ ดังนั้นอันดับเครดิตของ NNEG จึงเท่ากับ อันดับเครดิตโดยลำพังของ GPSC ถึงแม้ว่า GPSCจะมีขนาดสถานะทางธุรกิจที่ดีกว่าเนื่องจากมีการกระจายตัวของทรัพย์สินและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สูงกว่า

NNEG มีลักษณะกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในลักษณะใกล้เคียงกับ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS; 'BBB+(tha) แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการหลักในการเติมน้ำมันอากาศยานภายในท่าอากาศยานหลักของประเทศ บริษัททั้งสองจึงมีรายได้ที่สม่ำเสมอ และสามารถคาดการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ความสม่ำเสมอและคาดการณ์ได้ของกระแสเงินสดของ BAFS ได้รับผลกระทบชั่วคราวจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ในขณะที่ธุรกิจของ NNEG ได้รับผลกระทบที่น้อยกว่ามาก NNEG มีขนาดธุรกิจที่เล็กกว่าและมีการกระจายตัวของรายได้ที่น้อยกว่า BAFS อย่างไรก็ตาม BAFS มีอันดับเครดิตต่ำกว่า NNEG หนึ่งอันดับเนื่องจากสถานะทางการเงินที่อ่อนแอกว่า NNEG อย่างมาก

สมมติฐานที่สาคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ:

  • การขายไฟฟ้าให้กับกฟผ.และความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรม มีอัตราที่ค่อนข้างคงที่ในช่วงปี 2565-2567
  • EBITDA margin ลดลงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 15 จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และ แผนการซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ในปี 2565 และจะฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 23-24 ในช่วงปี 2566 เป็นต้นไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น และราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง
  • มีการชำระค่าใช้จ่ายในการลงทุนรวม 2.2 พันล้านบาท ในช่วงปี 2565-2567 ซึ่งรวมถึงโครงการขยายกำลังการผลิตใหม่
  • อัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 80

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยบวก:

  • การปรับเพิ่มอันดับเครดิตไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากข้อจำกัดของธุรกิจที่มีขนาดเล็กและไม่มีการกระจายตัวของรายได้

ปัจจัยลบ:

  • FFO net leverage และ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรที่ได้จากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (Net Debt/EDITDA) ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 4.3 เท่าอย่างต่อเนื่อง

สภาพคล่อง
สภาพคล่องที่ดี: ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 NNEG มียอดหนี้คงค้างอยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท โดยหนี้จำนวน 372 ล้านบาทป็นหนี้ที่จะครบกำหนดชำระคืนภายในปี 2566 ทั้งนี้สภาพคล่องของบริษัทมาจากเงินสดประมาณ 1.0 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 และ ฟิทช์คาดว่า บริษัทมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ที่ระดับประมาณ 500-900 ล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2565-2567

ข้อมูลของบริษัท
NNEG เป็นบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กในประเทศไทย โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติระบบโคเจนเนอเรชั่นของบริษัทตั้งอยู่ที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร โดยลูกค้าหลักคือ กฟผ. และลูกค้าอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจำนวน 179 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 40 ตันต่อชั่วโมง


ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+ผลิตไฟฟ้า นวนครวันนี้

BAFS เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.75 - 5.10% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อแก่ "สถาบัน-รายใหญ่" วันที่ 9 - 14 พ.ค. นี้ รองรับการขยายตัวธุรกิจในอนาคต

BAFS เตรียมออกหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [ 4.75 5.10 ] % ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ "BBB (tha)" จาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เตรียมเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ คาดจองซื้อระหว่างวันที่ 9 และ 13 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS ที่ 'AA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บจก.แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ในเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch Negative; RWN) ของอันดับเครดิต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ท...