SCB CIO ชี้ช่อง 3 กลยุทธ์หลักปรับพอร์ตการลงทุนในภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย 1 ) ถือเงินสดในพอร์ต 5-10% 2) รอจังหวะสะสมหุ้นสหรัฐ เมื่อมีความชัดเจนมากขึ้นจากเฟด และ 3) สะสมหุ้นกลุ่ม Reopening in ASEAN เพื่อรองรับการเปิดเมืองของแต่ละประเทศ เช่น หุ้นไทยและหุ้นเวียดนาม ส่วนค่าเงินบาทไทย คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 33 -34 บาท ในช่วงครึ่งหลังปี 2022 หลังการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และ US Dollar Index น่าจะชะลอตัวลง เมื่อมีความชัดเจนจาก Dot plot ของเฟดในช่วงเดือนมิ.ย. นี้
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตได้ แต่ยูโรโซนน่าห่วงจากดอกเบี้ยขาขึ้นแต่เศรษฐกิจอาจยังไม่พร้อม และจีนอาจชะลอมากกว่าคาด ดร. กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตลาดการเงินโลกกำลังได้รับผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด ) และ ล่าสุดตลาดการเงินโลกเริ่มกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยหลังตัวเลขเศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัว และหดตัวในบางประเทศ โดยความกังวลเริ่มสูงขึ้นหลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไตรมาส 1/2022 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าออกมาติดลบ (-1.4% QoQ saar) โดยสาเหตุหลักมาจากการเร่งตัวของการนำเข้า ในขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังเติบโตได้ดี (2.7%) โดย SCB CIO ประเมินว่าโอกาสที่จะเกิดการถดถอยทางเทคนิค (technical recession) ในสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2/2022 ยังมีค่อนข้างน้อย แต่จีนมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไตรมาส 2/2022 จะชะลอมากกว่าคาด หลังการปิดเมืองเข้มข้น และมีแนวโน้มยืดเยื้อ ในขณะที่ยูโรโซนมีความเสี่ยงที่ต้องขึ้นดอกเบี้ยในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจยังไม่พร้อม
อย่างไรก็ตาม ตลาดกำลังกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวแรงหรือเข้าขั้นถดถอย โดยประเมินว่าเฟดจะให้ความชัดเจนมากขึ้นในการประชุมเดือน มิ.ย. นี้ หากพิจารณาความเคลื่อนไหวในตลาดพันธบัตรและค่าเงิน SCB CIO มองว่า ตลาดการเงินโลกยังคงมีความผันผวน จนกว่าจะมีความชัดเจนจากเฟด โดยดัชนีภาวะการเงินของสหรัฐฯ (US Financial condition index) เริ่มตึงตัวใกล้ระดับปลายปี 2018 ที่มีการขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุด 2.5% ในรอบการขึ้นดอกเบี้ยที่แล้ว เราเชื่อว่าเฟด จะเริ่มพิจารณาประเด็นนี้มากขึ้น และส่งสัญญาณชัดเจนในการประชุม 14-15 มิ.ย.นี้ โดย SCB CIO ยังคงมุมมองคาดว่าเฟด จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 50 bps ในการประชุมในวันที่ 14-15 มิ.ย และ 26-27 ก.ค. นี้ หลังจากนั้นจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 25 bps ในอีก 3 การประชุมที่เหลือ ทำให้ Upper bound Fed fund target rate อยู่ที่ 2.75% ณ สิ้นปี 2022 แม้ความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยจะสูงขึ้น แต่ผลประกอบการล่าสุดในกลุ่มประเทศ DM (สหรัฐฯ ยูโรป และญี่ปุ่น) และเวียดนาม ยังเติบโตได้และมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/2022 ล่าสุดยังเห็นการเติบโตต่อเนื่องและทำได้ดีกว่าคาด
ปัจจัยเสี่ยงหลัก คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลก และ การปิดเมืองในจีนที่อาจส่งผลกระทบต่อ supply chain โดย SCB CIO ประเมินว่า หากราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่เร่งตัวไปมากกว่าในกรอบ 100-110 USD/barrel ในช่วงครึ่งหลังของปี อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะเริ่มชะลอลงตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้ความจำเป็นของเฟดที่จะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ส่งสัญญาณในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้ จะมีค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม การปิดเมืองเข้มข้นในเมืองเศรษฐกิจหลักของจีนเป็นความเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อโลกที่ต้องระมัดระวังในช่วงที่เหลือของปี
ดร. กำพล กล่าวต่อไปว่า การปรับพอร์ตการลงทุนในช่วงเวลานี้ ที่ตลาดคิดว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอย โดย SCB CIO แนะนำ 3 กลยุทธ์หลักดังนี้ 1) Cash amidst uncertainty ในช่วงที่รอความชัดเจนจากเฟด เรายังคงแนะนำให้มีเงินสดใน portfolio สัดส่วนประมาณ 5%-10% 2) Cost pass through to maintain profit margin ในกลุ่มตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว ( Developed Market ) แม้จะมีมุมมอง Neutral แต่เราชอบตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สามารถส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นได้ โดยมีการเติบโตของค่าจ้างเป็นตัวช่วย โดยรอจังหวะสะสมหุ้นสหรัฐฯ เมื่อมีความชัดเจนมากขึ้นจากเฟด และ 3) Reopening in ASEAN เราปรับมุมมอง หุ้นไทย เป็น Positive หลัง valuation กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ในขณะที่การเปิดเมือง มีความคืบหน้าต่อเนื่อง เราเชื่อว่าการเปิดประเทศของไทยจะทำให้กำลังซื้อในประเทศเริ่มฟื้นตัว จนพร้อมรับดอกเบี้ยขาขี้นได้ในปี 2023 ซึ่ง ธปท. น่าจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยใน 1H2023 และคงมุมมอง Positive ต่อ กลุ่มกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาเซียน ( Asian REITs)
สำหรับมุมมองด้านค่าเงินบาท SCB CIO ประเมินว่า US dollar index อยู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 20 ปีและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่ยังขาดดุล ส่งผลแรงกดดันทำให้เงินบาทไทยอ่อนค่า น่าจะรุนแรงสุดในช่วงไตรมาส 2/2022 แต่ในระยะข้างหน้า การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยน่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามการคาดการณ์การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมกับ US dollar index ที่น่าจะเริ่มชะลอตัวลงบ้างหลังมีความชัดเจนจาก dot plot ของเฟดในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ เราคาดว่า USDTHB เคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-34.5 ในไตรมาส 2/2022F และเริ่มแข็งค่าขึ้นในกรอบ 33-34 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2022F
นอกจากนี้ SCB CIO ยังคงมุมมอง Positive กับตลาดหุ้นเวียดนาม ประเมินความผันผวนเป็นปัจจัยระยะสั้นเนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามมีนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ลงทุนหลัก แต่การฟื้นตัวของการส่งออก และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ จะยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการ ยังเติบโตต่อเนื่อง และยังคงมุมมอง Neutral ต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนที่ยังคงถูกกดดันจากนโยบาย Zero COVID policy
พร้อมต้อนรับสู่ไทยแลนด์…กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ผนึกทรู คอร์ปอเรชั่น เสริมแกร่งมาตรการดูแลความปลอดภัยเชิงรุก และยกระดับการสื่อสารดูแลนักท่องเที่ยวทั่วโลก
เซ็นทาราร่วมโครงการ "เที่ยวดี มีคืน" มอบสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท เมื่อใช้บริการห้องพักและห้องอาหารเซ็นทาราทั่วไทย
เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ปรับรูปแบบกิจกรรม MBK Center Haunted School โรงเรียนสยองขวัญรับฮาโลวีน ลดระดับความตื่นเต้นภายใต้บรรยากาศที่เปี่ยมด้วยความสำรวม ชมฟรี!!ถึง 2 พฤศจิกายนนี้
โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต รีโนเวท "พันวา พูลวิลลา 2 ห้องนอน" โฉมใหม่ ต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี 2568-2569
วันสยาม ขานรับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว29 ตุลาคม - 15 ธันวาคม 2568อัดฉีดโปรโมชั่น พร้อมชวนเปิดประสบการณ์ใหม่กับมหกรรมร้านอาหารเปิดใหม่ล่าสุด
Weixin Pay จับมือ พร้อมเพย์ (PromptPay) เพิ่มความสะดวกในการชำระเงินข้ามพรมแดนสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน
กรมโยธาธิการและผังเมือง ส่งมอบความสำเร็จโครงการพัฒนา "หนองน้ำพุ" มั่นใจท้องถิ่นสานต่อและดูแลรักษาพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน
เขตปทุมวันกวดขันขอทานต่างชาติถนนหลังสวน-แนะประชาชน "ไม่ให้เงินขอทาน"