ทางการเตรียมยกเลิกไทยแลนด์พาสต้นเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเตรียมขยายมาตรการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตราคาพลังงานเพิ่มเติม ล่าสุดการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศบค) เห็นชอบให้ปรับระดับพื้นที่ทั่วทั้งประเทศเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) โดยให้มีผลหลังจากประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ขณะเดียวกันยังเห็นชอบให้ยกเลิกการลงทะเบียน Thailand Pass หรือหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศ (Certificate of Entry: COE) ของคนต่างชาติ และยกเลิกการกำหนดเงินประกันการเดินทางสำหรับต่างชาติ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป สำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพจากวิกฤตราคาพลังงาน ล่าสุดรัฐบาลเตรียมขยายเวลาในบางมาตรการที่จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนออกไปอีก 3 เดือน อาทิ การช่วยเหลือค่าก๊าซหุงต้มแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการตรึงราคาขายปลีก NGV รวมทั้งอาจมีมาตรการใหม่เพิ่ม โดยจะขอความร่วมมือไปยังกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันนำส่งกำไรค่าการกลั่น เพื่อนำมาช่วยพยุงราคาน้ำมัน
ปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายเพิ่มเติมและการปรับลดระดับการเตือนภัยโควิดจากระดับ 3 เป็น 2 คาดว่าจะช่วยหนุนให้กิจการและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ทยอยกลับเข้าใกล้เคียงสู่ภาวะปกติมากขึ้น ประกอบกับกระทรวงการคลังระบุเตรียมเสนอมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงครึ่งปีหลังเพิ่มเติม โดยกำหนดให้บริษัทเอกชนที่นำพนักงานไปท่องเที่ยวในเมืองรองสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า และเมืองหลักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า การท่องเที่ยวในประเทศจึงมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ดีกว่าที่คาด เช่นเดียวกับการยกเลิกการลงทะเบียนไทยแลนด์พาส ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกและหนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากขึ้นจากค่าเฉลี่ยในปัจจุบันประมาณวันละ 2-2.5 หมื่นคน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จึงมีโอกาสที่จะสูงกว่าที่เคยคาดไว้ที่ 5.5 ล้านคน
แม้มีสัญญาณเชิงบวกจาก FDI ที่เข้ามาในบางกลุ่มอุตสาหกรรม แต่ยังมีหลายปัจจัยที่อาจจำกัดการเติบโตของการลงทุนภาคเอกชน ข้อมูลจาก BOI รายงานการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วงไตรมาส 1/2565 มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่ารวม 77.3 พันล้านบาท ขยายตัว 29.1% YoY (ต่อเนื่องจากปี 2564 ที่เติบโตเกือบ 169%) โดยมูลค่าเงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในหมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง (สัดส่วน 61% ของ FDI ทั้งหมด) หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (13%) และหมวดอุตสาหกรรมเบา (11%) นอกจากนี้ รายได้จากการขายและค่าเช่าในนิคมอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564-มีนาคม 2565) ขยายตัว 31.7% YoY โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ยังคงเป็นทำเลทองที่ได้รับความสนใจ ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีมูลค่า FDI ที่ยื่นขอรับการลงทุนในพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้น 11.7% YoY ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการยานยนต์สมัยใหม่ (รถยนต์ไฟฟ้า) และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ
การลงทุนแม้จะมีสัญญาณเชิงบวกจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของ FDI แต่ยังมีการกระจุกตัวอยู่ในบางหมวดอุตสาหกรรมที่อาจได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดประเทศและการปฎิรูปอุตสาหกรรม สอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิตของหลายอุตสาหกรรมที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 วิจัยกรุงศรีประเมินการเติบโตของการลงทุนภาคเอกชนในปีนี้ยังอาจถูกจำกัดจากหลายปัจจัย อาทิ ความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวมากขึ้น ต้นทุนการผลิตที่ปรับสูงขึ้น ค่าเงินบาทที่ผันผวน รวมถึงความเชื่อมั่นที่ยังอยู่ในระดับต่ำและล่าสุดยังถูกบั่นทอนจากอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยปี 2565 ที่ร่วงลงมากสู่อันดับ 33 จาก 28 ในปีก่อน
ข้อมูลเพิ่มเติม
วิจัยกรุงศรี: https://www.krungsri.com/th/research/home
กทม. รุดแก้ปัญหาวินรถจักรยานยนต์หลัง รพ.ศิริราช พร้อมพัฒนาเป็นวินต้นแบบ
"เอ แอล ปาล์ม" ในเครือ SMO คว้ามาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ยกระดับคุณภาพบุคลากร
มอบ 27 รางวัล เชิดชูธุรกิจที่มีธรรมาภิบาล ประจำปี 2568 พาณิชย์หนุนยกระดับขีดความสามารถภาคธุรกิจ ช่วยสร้างแต้มต่อการแข่งขันในตลาดโลก
"ฉันทวิชญ์" มอบ 27 รางวัล เชิดชูธุรกิจที่มีธรรมาภิบาล ประจำปี 2568 พาณิชย์หนุนยกระดับขีดความสามารถภาคธุรกิจ ช่วยสร้างแต้มต่อการแข่งขันในตลาดโลก
การเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน สามารถทำได้ 3 กรณี เท่านั้น
FIT Auto มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ ยกระดับมาตรฐานบุคลากรช่างเทคนิค สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าในทุกการบริการ
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ชวนช่างไฟฟ้าปฏิบัติตามกฎหมาย ป้องกันอุบัติเหตุ ลดเสี่ยงสังคม
ทีทีบี ฟินทิป ไขข้อข้องใจ ทำไมหนังสือรับรองเงินเดือนสำคัญกว่าที่คิด
กทม. เร่งสำรวจความเสียหายจากแผ่นดินไหว เตรียมพร้อมเยียวยาผู้ประสบภัย