SABINA ย้ำไม่กระทบหลังต้นทุนพลังงานสูงขึ้น 15% ชี้กลยุทธ์ 'ลีน' ส่งผลการผลิตใช้น้ำมันน้อยลง ขณะที่ขายออนไลน์ช่วยลดต้นทุนส่งสินค้าเข้าร้าน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

SABINA เผยต้นทุนพลังงานปี 2565 และ 2564 เพิ่ม 15% จากปี 2562 หลังราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ย้ำภาคผลิตไม่ได้รับผลกระทบ เหตุโรงงานใช้กลยุทธ์ "ลีน" (Lean) ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ลดการสูญเสียอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันต่อลิตรลดลง ขณะที่กลยุทธ์ขายออนไลน์ และ O2O ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งสินค้าเข้าร้าน ชี้ค่าเงินบาทอ่อนแตะ 35 บาท หนุนรายได้รับจ้างผลิต (OEM) เพิ่ม สอดรับกับเป้าหมายการขยายตัว หลังออเดอร์จากยุโรปและสหราชอาณาจักรฟื้นตัวชัดเจน พร้อมจับตาค่าเงินใกล้ชิด ชี้หากกระทบต้นทุนนำเข้าจากการจ้างผลิตในต่างประเทศ พร้อมจ้างโรงงานในประเทศผลิตเพิ่ม เพื่อลดผลกระทบจากค่าเงิน เชื่อไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก แม้เผชิญปัจจัยที่มีความผันผวน แต่ผลการดำเนินงานยังเติบโตได้อย่างน่าพอใจ

SABINA ย้ำไม่กระทบหลังต้นทุนพลังงานสูงขึ้น 15% ชี้กลยุทธ์ 'ลีน' ส่งผลการผลิตใช้น้ำมันน้อยลง ขณะที่ขายออนไลน์ช่วยลดต้นทุนส่งสินค้าเข้าร้าน

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ "ซาบีน่า" เปิดเผยว่า จากการประเมินของฝ่ายบริหารในประเด็นเกี่ยวกับต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในปี 2565 และปี 2564 เทียบกับปี 2562 พบว่า ต้นทุนค่าพลังงานต่อยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 15% อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาผลกระทบโดยรวมที่เกิดขึ้นกับบริษัทฯ ทั้งด้านการผลิตและช่องทางการจำหน่าย ก็สามารถกล่าวได้ว่า ราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ

"ในด้านการผลิต แม้ว่า สัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานจะเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่เนื่องจาก SABINA มีกิจกรรม 'ลีน' (Lean) ซึ่งเป็นการปรับการทำงานในโรงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดสิ่งที่ไม่เกิดมูลค่าหรือลดการสูญเปล่า (Waste) ที่เราทำต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาหลายปี และเป็นการทำอย่างจริงจังในทุกโรงงานทั้ง 5 แห่ง ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันหากคิดเป็นลิตรน้อยลงเมื่อเทียบกับกิจกรรมที่ทำ ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันหรือราคาพลังงาน จึงไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับต้นทุนการผลิตของ SABINA แต่อย่างใด" นางสาวดวงดาวกล่าว

ขณะที่ด้านการขายหรือช่องทางการจำหน่าย หลังจาก SABINA รุกทำตลาดออนไลน์ผ่านช่องทาง NSR (Non-Store Retailing) และการทำ O2O ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างออนไลน์สู่ออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าในปัจจุบัน โดยยึดหลักในการบริการลูกค้าที่ต้องการสั่งซื้อสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการเดินมาเลือกและทดลองใส่สินค้าที่หน้าร้าน หรือสั่งซื้อผ่านทางระบบออนไลน์ สามารถเลือกให้จัดส่งสินค้าถึงบ้านได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งวิธีนี้เป็นการปรับกระบวนการทำงานให้ลดปริมาณการจัดส่งสินค้าไปที่หน้าร้านให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม แต่ไม่สูญเสียยอดขาย ทำให้ค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าพลังงานที่แฝงอยู่ ถูกผันเปลี่ยนเป็นค่าใช้จ่ายขนส่งจริงไปยังลูกค้า ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายพลังงานแบบผันแปรกับยอดขาย และทำให้ SABINA สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าในอดีตที่ผ่านมา ขณะที่หลังจากนี้ SABINA ยังจะมีโครงการใหม่ๆ ที่ยังคงตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการอ่อนค่าของเงินบาท ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากจะทำให้รายได้จากช่องทางการรับจ้างผลิต (OEM) เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดมีคำสั่งซื้อเข้ามาถึงเดือนตุลาคมและในปีนี้ SABINA ตั้งเป้าการเติบโตในช่องทาง OEM ไว้ที่ 10% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า ซึ่งอยู่ในยุโรปและสหรัฐราชอาณาจักร ส่วนต้นทุนการนำเข้ากรณีที่ SABINA จ้างผลิตสินค้าบางส่วนจากต่างประเทศนั้น ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการอ่อนค่าของเงินบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีความสามารถในการต่อรองกับผู้ผลิต อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์ของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และหากพบว่ามีแนวโน้มจะส่งผลกระทบกับต้นทุนนำเข้าเพิ่มขึ้น ทาง SABINA ก็สามารถปรับกลยุทธ์ด้วยการจ้างผลิตจากโรงงานในประเทศซึ่งเป็นคู่ค้าที่สามารถควบคุมคุณภาพผลิตได้ตามมาตรฐาน ซึ่งก็จะช่วยลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนลงได้

"ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้จะเป็นอะไรที่ท้าทายการบริหารจัดการ เพราะภาคธุรกิจส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นชัดเจนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงในเดือนมิถุนายน ซึ่งในส่วนของ SABINA เรารับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานไม่มาก และได้อานิสงส์จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งเป็นจังหวะที่ OEM กำลังขยายตัว ขณะเดียวกัน การปลดล็อคมาตรการต่างๆ หลังจากการคลายความกังวลเรื่องโควิด-19 ทำให้การจับจ่ายใช้สอยและกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาใกล้เคียงกับภาวะปกติ ส่งผลให้ยอดขายของเราดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้เรายังมั่นใจว่า แม้ปัจจัยต่างๆ จะมีความผันผวน แต่ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 จะออกมาดีกว่าที่คาด และในครึ่งแรกของปีนี้ เราจะยังรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจอย่างแน่นอน" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว


ข่าวสหราชอาณาจักร+ราคาน้ำมันวันนี้

TPBI คว้ารางวัล Thailand's Best Corporate Governance in 2025 จากเวที World Finance Corporate Governance Awards 2025 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และยั่งยืน

บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ TPBI ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรของประเทศไทย ได้รับรางวัล "Thailand's Best Corporate Governance in 2025 Thailand" จากเวที World Finance Corporate Governance Awards 2025 ซึ่งจัดขึ้นโดย World Finance Magazine นิตยสารเศรษฐกิจและการเงินชั้นนำจากสหราชอาณาจักรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล รางวัลนี้สะท้อนถึงความเป็นเลิศของ TPBI ในการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลที่แข็งแกร่ง โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะ

เนื่องจากความต้องการด้านการศึกษาวิชาชีพแพ... การขึ้นคลินิกในสหราชอาณาจักรช่วยต่อยอดเส้นทางอาชีพแพทย์ของ นักศึกษามหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จ — เนื่องจากความต้องการด้านการศึกษาวิชาชีพแพทย์ในระดับนานาชาติยังค...

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกั... KTAM ตอกย้ำความสำเร็จระดับสากลต่อเนื่อง คว้า 2 รางวัลจาก AsianInvestor Asset Management Awards 2025 — บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (...

SE-ED Academy ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรนาน... SE-ED Academy ยกระดับภาษาอังกฤษปฐมวัย ตามแนวทาง Cambridge Early Years Programme ด้วยโปรแกรม Jolly Phonics — SE-ED Academy ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรนานาชาติ...

งานเรียนต่อ UK ที่น่าสนใจที่สุดแห่งปี Min... มหกรรมการศึกษาต่อสหราชอาณาจักร Mini UK University Fair วันอาทิตย์ ที่ 21 กันยายน 2025 — งานเรียนต่อ UK ที่น่าสนใจที่สุดแห่งปี Mini UK University Fair 2025...