เต็ดตรา แพ้ค คว้าคะแนน "ระดับ A" จากองค์กรซีดีพี 4 ปีซ้อน ในการดำเนินงานที่เป็นเลิศ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกและการปกป้องผืนป่า

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำด้านโซลูชันการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหารชั้นนำของโลก ได้รับการยกย่องในฐานะผู้นำด้านการดำเนินงานที่โปร่งใส และการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและป่าไม้โดยซีดีพี (CDP) องค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลกซึ่งบริษัทยังคงสามารถรักษาคะแนนใน "ระดับเอ" (A-List) ในด้านการดำเนินงานเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการปกป้องผืนป่าเป็นไว้ได้เป็นปีที่สี่ได้ติดต่อกัน โดยเต็ดตรา แพ้ค เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ได้รับคะแนนระดับ "ดับเบิลเอ" จากบริษัทอื่น ๆ อีกเกือบ 15,000 แห่ง ผ่านการให้คะแนนตามข้อมูลที่ส่งผ่านแบบสอบถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและป่าไม้ของซีดีพีในปี 2565

เต็ดตรา แพ้ค คว้าคะแนน "ระดับ A" จากองค์กรซีดีพี 4 ปีซ้อน ในการดำเนินงานที่เป็นเลิศ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกและการปกป้องผืนป่า

กระบวนการเปิดเผยและให้คะแนนด้านสิ่งแวดล้อมประจำปีของซีดีพีได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นมาตรฐานระดับสูงในเรื่องความโปร่งใสด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับองค์กร ในปี 2565 นักลงทุนกว่า 680 รายที่มีทรัพย์สินมากกว่า 130 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และผู้ซื้อรายใหญ่ 280 รายที่มีค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดจ้างรวมมูลค่ากว่า 6.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ได้ขอให้บริษัทต่าง ๆ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความเสี่ยง และโอกาสในการดำเนินงานผ่านแพลตฟอร์มของซีดีพี โดยได้รับการตอบรับจากบริษัทมากกว่า 18,700 แห่ง ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติครั้งใหม่ที่มีผู้ตอบกลับมาที่สุดเป็นประวัติการณ์

ซีดีพีได้ใช้กระบวนการที่เป็นอิสระและการเจาะลึกถึงรายละเอียดในการประเมินบริษัทต่าง ๆ เพื่อการจัดลำดับคะแนนจากระดับ "เอ" ถึง "ดี" โดยพิจารณาจากความครอบคลุมของการเปิดเผยข้อมูล การสร้างการรับรู้ และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม และการแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติงานที่ดีเยี่ยมที่สื่อถึงความเป็นผู้นำในเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น การตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและก่อให้เกิดผลลัพท์ ทั้งนี้ บริษัทที่ไม่เปิดเผยข้อมูลหรือให้ข้อมูลไม่เพียงพอจะได้รับคะแนนในระดับ "เอฟ"

การให้คะแนนของซีดีพีในเรื่องป่าไม้พิจารณาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ 4 ประเภทที่เป็นสาเหตุให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ ถั่วเหลือง และน้ำมันปาล์ม โดยบริษัทต่าง ๆ จะต้องได้คะแนนระดับเออย่างน้อยหนึ่งประเภทผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่อผลผลิตจากป่าไม้ดังกล่าว เพื่อให้รายชื่อบริษัทอยู่ในระดับเอในการดำเนินงานด้านป่าไม้ (Forests A-List)

มร. เด็กซเตอร์ เกลวิน (Mr. Dexter Galvin) ผู้อำนวยการบริหารบรรษัทและซัพพลายเชนทั่วโลกของซีดีพี กล่าวว่า: ขอแสดงความยินดีกับบริษัทต่าง ๆ ที่ได้การจัดลำดับคะแนนระดับ A List ของซีดีพีในปีนี้ ความโปร่งใสด้านสิ่งแวดล้อมเป็นก้าวแรกที่สำคัญสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์และส่งผลดีต่อธรรมชาติในอนาคต ท่ามกลางความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลกในปีนี้ ตั้งแต่ปัญหาสภาพอากาศเลวร้ายไปจนถึงการสูญเสียธรรมชาติอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วนและร่วมมือกันจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา เราจำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกและยุติการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2573 ควบคู่ไปกับการบรรลุความมั่นคงด้านน้ำในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเราจะไม่มีทางที่จะไปถึงเป้าในการการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ได้เลย หากปราศจากธรรมชาติ ในขณะที่ซีดีพียังคงยกระดับคุณสมบัติความเป็นผู้นำด้านสภาพอากาศ ป่าไม้ และน้ำ เราหวังว่าจะเห็นความพยายามและการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมของบริษัทต่างๆ  ที่อยู่ในระดับ A และบริษัทที่ต้องการที่จะเดินไปสู่ระดับแถวหน้านั้น ก็น่าจะทำเช่นเดียวกัน"

มร. จิล ทิสเซอแรน (Mr. Glles Tisserand) รองประธานด้านสภาพอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ ของเต็ดตรา แพ้ค กล่าวว่า "ด้วยระบบของอุตสหากรรมอาหารที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณหนึ่งในสามของโลก บริษัทระดับโลกอย่างเราต้องร่วมมือกันตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าเพื่อเร่งดำเนินการ นั่นเป็นเหตุผลที่เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้อยู่ในระดับ 'A List' ของซีดีพีต่อเนื่องเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน เนื่องจากเราตระหนักดีว่าเรากำลังดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและลดความเสี่ยงจากการตัดไม้ทำลายป่า" 

"ในโลกปัจจุบัน การแยกผลกระทบจากสภาพอากาศและการเติบโตทางเศรษฐกิจกำลังมีความท้าทายมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ความโปร่งใสขององค์กรถูกมองว่าเป็น 'การสร้างหรือทำลายสิ่งแวดล้อม' เพื่อความสำเร็จของธุรกิจ - และโดยชอบธรรม เราตระหนักดีถึงการเดินทางอันยาวไกลข้างหน้า แต่การพิสูจน์ให้เห็นว่าธุรกิจของเราในอนาคตสอดคล้องกับการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เป็นสิ่งจำเป็น และเรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะทำหน้าที่ของเรา"

คะแนนระดับ "ดับเบิลเอ" เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างยาวนานของเต็ดตรา แพ้ค ในการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น ในปี 2564 บริษัทมีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่าลง 36%   โดย 80% ของไฟฟ้ามาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ในขณะที่เรายังได้ดำเนินการร่วมกับซัพพลายเออร์วัตถุดิบ 44 ราย ในการเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "ร่วมมือกับเรา ในการปกป้องโลก " (Join us in protecting the planet) โดย ส่วนหนึ่งของ '20 แผนการดำเนินการสำหรับปี 2573' ตามรายละเอียดของแผนการดำเนินงาน สิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญคือการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) หรือปริมาณการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกลงลง 50% ภายในปี 2573  เพื่อแสดงให้เห็นเพิ่มเติมว่าความร่วมมือมีความสำคัญต่อการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างไร ในต้นปี 2565 เต็ดตรา แพ้ค ได้เปิดตัวโครงการริเริ่มการฟื้นฟูที่ดินเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมของประเทศบราซิล โดยร่วมมือกับองค์กรพัฒนาเอกชนในท้องถิ่น Apremavi โดยมีเป้าหมายคือการฟื้นฟูผืนป่าแอตแลนติกให้ได้มากถึง 7,000 เฮกตาร์ภายในปี 2573 เพื่อการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ การกำจัดคาร์บอน และลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นอกจากนี้ ในเดือนสิงหาคม 2565 เป้าหมายของเต็ดตรา แพ้ค ในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าภายในปี 2593 ได้รับการอนุมัติจาก SBTi (The Science-Based Target initiative) ภายใต้มาตรฐาน Corporate Net-Zero Standard ในขอบเขต 1, 2 และ 3  ทั้งหมดหมายถึง การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 46% ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าภายในปี 2573 และลด 90% ในกลุ่มขอบเขตเดียวกันทั้งหมดภายในปี 2593 เมื่อมองไปข้างหน้า เต็ดตรา แพ้คได้กำหนดพันธสัญญาที่แสดงถึงความพยายามเพิ่มเติม เช่น การลดขยะอาหาร การใช้น้ำ และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของสายการผลิตแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดภายในปี 2573

นายปฏิญญา ศิลสุภดล ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืน เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) กล่าวปิดท้ายว่า "ในประเทศไทย เต็ดตรา แพ้ค ปฏิบัติตามแนวทางคาร์บอนต่ำของโลกเพื่อบรรลุแผนเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยตระหนักถึงความสำคัญของความโปร่งใสด้านสิ่งแวดล้อมเป็นขั้นตอนสำคัญในการบรรลุสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนสำหรับประเทศของเราในอนาคต เราจะเดินหน้าสร้างความร่วมมือและผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงในการเป็นผู้นำด้วยโซลูชั่นคาร์บอนต่ำ และเพิ่มความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่การจัดหา การผลิต จนถึงการสิ้นสุดอายุของผลิตภัณฑ์"

รายชื่อบริษัททั้งหมดที่ได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับ A List โดยซีพีดี พร้อมคะแนนของบริษัทอื่น ๆ สามารถดูได้ที่ https://www.cdp.net/en/companies/companies-scores


ข่าวเต็ดตรา แพ้ค+สิ่งแวดล้อมวันนี้

เต็ดตรา แพ้ค คว้ารางวัล SEAL Business Sustainability Awards 2025 ประเภท Environmental Initiatives Award

แนวทางปฏิบัติเพื่อการดูแลธรรมชาติของ เต็ดตรา แพ้ค ได้รับการยกย่องให้เป็นกลยุทธ์ต้นแบบของอุตสาหกรรม ในการรับมือกับความสูญเสียทางชีวภาพและความมั่นคงในการจัดการน้ำตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า เต็ดตรา แพ้ค คว้ารางวัล SEAL Business Sustainability Awards 2025 ในประเภท Environmental Initiatives Award ชูจุดเด่นด้านแนวทางปฏิบัติในการดูแลธรรมชาติ โดยรางวัล SEAL (Sustainability, Environmental Achievement and Leadership) Award นี้ยกย่องให้แนวทางการปฏิบัติของเต็ดตรา แพ้ค เป็นกลยุทธ์ต้นแบบของอุตสาหกรรม ที่แสดงให้

สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล และ... เต็ดตรา แพ้ค และดัชมิลล์ สร้างความสัมพันธ์เชื่อมต่อกับผู้บริโภคด้วยบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ — สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล และตอกย้ำการมีส่วนร่วมของผู้...

เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำด้านโซลูชันการแปรรูปและ... เต็ดตรา แพ้ค ร่วมสนับสนุนงาน "Nordic Run 2023" — เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำด้านโซลูชันการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหารชั้นนำของโลก ร่วมกับ 4 สถานเอกอัครราชทูตของประ...

เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์แล... เต็ดตรา แพ้ค จัดงานสัมมนา "INNOVATION STARTS HERE" เปิดโลกนวัตกรรม สู่อนาคตแห่งอุตสาหกรรมอาหาร — เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์และกระบวนการผลิตอา...

เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์แล... เต็ดตรา แพ้ค จัดงานสัมมนา "INNOVATION STARTS HERE" เปิดโลกนวัตกรรม ปูทางสู่อนาคตแห่งอุตสาหกรรมอาหาร — เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์และกระบวนการผ...