พบเด็กอ้วนเกือบ 400 ล้านคนทั่วโลก สสส. สานพลัง กทม. - ภาคีเครือข่าย เดินหน้าโครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วน ปี 4 ผุด 23 โรงเรียนต้นแบบ ทำสื่อสร้างสรรค์ รณรงค์ลดหวาน มัน เค็ม

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

พบเด็กอ้วนเกือบ 400 ล้านคนทั่วโลก สสส. สานพลัง กทม. - ภาคีเครือข่าย เดินหน้าโครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วน ปี 4 ผุด 23 โรงเรียนต้นแบบ ทำสื่อสร้างสรรค์ รณรงค์ลดหวาน มัน เค็ม เตรียมขยายผลส่งต่อโรงเรียนทั่วประเทศ

พบเด็กอ้วนเกือบ 400 ล้านคนทั่วโลก สสส. สานพลัง กทม. - ภาคีเครือข่าย เดินหน้าโครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วน ปี 4 ผุด 23 โรงเรียนต้นแบบ ทำสื่อสร้างสรรค์ รณรงค์ลดหวาน มัน เค็ม

แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร, สำนักโภชนาการ, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานบริหารแผนงานอาหารและโภชนาการ, เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน , เครือข่ายคนไทยไร้พุง และเครือข่ายลดบริโภคเค็ม จัดกิจกรรมรณรงค์โครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วน The New normal ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก และผลไม้ ปี 4 พร้อมประกาศผลและมอบรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พบเด็กอ้วนเกือบ 400 ล้านคนทั่วโลก สสส. สานพลัง กทม. - ภาคีเครือข่าย เดินหน้าโครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วน ปี 4 ผุด 23 โรงเรียนต้นแบบ ทำสื่อสร้างสรรค์ รณรงค์ลดหวาน มัน เค็ม

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม. มีการทำงานเชิงรุก ยกระดับมาตรฐานโภชนาการเพื่อทำให้โรงเรียนเป็นแหล่งโภชนาการที่มีคุณภาพ โดยได้ปรับเปลี่ยนหลักการจัดโภชนาการในโรงเรียนโดยคำนึงถึง 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.เน้นคุณภาพอาหารโภชนาการ ครบ 5 หมู่ 2.คุณภาพอาหารเช้า / กลางวัน ให้โรงเรียนดำเนินการตามระบบ Thai School Lunch for BMA 3.จัดให้ในแต่ละมื้อได้รับอาหารที่มีประโยชน์ สะอาด ถูกหลักโภชนาการ ประกอบด้วยผักผลไม้ ลด หวานมัน เค็ม และมีปริมาณเพียงพอ โดย กทม. ได้ผลักดันให้โรงเรียนเป็นตัวกลางแจกจ่ายอาหารให้กับนักเรียนและชุมชน และจะร่วมกับภาคเอกชนและภาคประชาสังคมออกแบบเมนูอาหารสร้างสรรค์ ที่นักเรียนสามารถเลือกอาหารที่ต้องการได้ แต่ต้องคำนึงถึงคุณค่าทางอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ และจัดทำอาหารที่สอดคล้องกับความต้องการของบริบทและสิ่งแวดล้อมตามโรงเรียนแต่ละพื้นที่

นายสง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย และอุปนายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รายงาน World Obesity Federation ปี 2565 พบว่าทั่วโลกมีคนเป็นโรคอ้วนประมาณ 800 ล้านคน จำนวนนี้มี 39 ล้านคน เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และอีกประมาณ 340 ล้านคน เป็นเด็กและวัยรุ่น 5 - 19 ปี ขณะที่รายงาน Health Data Center (HDC) กระทรวงสาธารณสุข ปี 2565 พบเด็กวัย 6 - 14 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11.7 ในปี 2561 เป็นร้อยละ 12.4 ในปี 2564 และปี 2565 พบเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 13.7 โดยพบว่าเด็กวัยรุ่นวัย 15 - 18 ปี ร้อยละ 13.1 อ้วนเกินค่าเป้าหมายที่กำหนดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม

"หากปล่อยให้เด็กอ้วนเกิดขึ้นโดยไม่ควบคุม จะทำให้เด็กโตเป็นผู้ใหญ่อ้วน ร้อยละ 80 ปัญหาเกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารไม่มีประโยชน์ การให้ความรู้และความเข้าใจกับเด็ก ผู้ปกครอง เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ที่ผ่านมาพบว่า การสื่อสารเรื่องนี้ยังใช้สื่อแบบเดิม ไม่ทันสมัย ไม่เข้าถึงเด็กได้ลึกพอ ครั้งนี้จึงมีนักโฆษณา ครีเอทีฟมืออาชีพมาให้คำปรึกษากับครูตลอดโครงการ โดยให้เด็กได้ลงมาเป็นผู้สร้างสรรค์สื่อด้วยตัวเองด้วย คาดว่าเมื่อทำต่อเนื่อง จะทำให้เด็กเข้าใจโภชนาการทางอาหารเพิ่มขึ้น และทำให้โรคอ้วนและขาดสารอาหารมีแนวโน้มลดลง"

นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า "โรคอ้วน" หรือ ภาวะโภชนาการเกินในเด็กวัยเรียน เป็นปัจจัยเสี่ยงและปัญหาสาธารณสุขที่ต้องร่วมแก้ไข เพราะเด็กที่เป็นโรคอ้วนตั้งแต่อายุน้อย เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ 1 ใน 4 คน มีโอกาสเป็นโรคอ้วน และหากเด็กอ้วนไปถึงวัยรุ่น มีความเสี่ยงสูงที่ 3 ใน 4 คน จะป่วยในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ส่วนเด็กที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอตามเกณฑ์โภชนาการ จะเสี่ยงเกิดภาวะ "ทุพโภชนาการ" น้ำหนักน้อย เตี้ย ผอม แคระแกร็น ส่งผลกระทบต่อร่างกายและพัฒนาการ ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เด็กต้องเรียนออนไลน์ ไม่มีกิจกรรมทางกาย ดังนั้น สสส. จึงเร่งผลักดันพัฒนา "นักสื่อสารสุขภาวะ" เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันปัญหาโรคอ้วนในเด็กและเยาวชน

"สื่อถือเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการนำมาสร้างเสริมสุขภาพ สามารถสร้างความรู้ความเข้าใจ แรงบันดาลใจ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรวมถึงการพัฒนาครูและนักเรียน สู่การเป็นนักสื่อสารสุขภาวะที่มีทักษะเท่าทันสื่อ ร่วมสื่อสารประเด็นสุขภาพผ่านการพัฒนากระบวนการสื่อสาร และกิจกรรมสร้างสรรค์ในโรงเรียน เพื่อช่วยลดปัญหาโรคอ้วนในเด็กและเยาวชนได้ ซึ่งโรงเรียนสังกัด กทม. เป็นอีกเป้าหมาย ที่สามารถร่วมเป็นพลังขับเคลื่อน และเป็นโรงเรียนต้นแบบเรื่องการป้องกันเด็กที่มีภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์ จนขยายผลไปทั่วประเทศได้"

ดร.ดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า โครงการมีเป้าหมายสร้างเสริมสุขภาพในเด็กประถมและมัธยมศึกษา เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล แม้ปีนี้จะต้องทำรูปแบบ The New normal แต่พบว่า 23 โรงเรียนต้นแบบ สร้างสรรค์สื่อนวัตกรรมออกมาได้น่าสนใจ และเพื่อเป็นกำลังใจ จึงคัดเลือกโครงการที่ตอบโจทย์วัตถุประสงค์ และเป้าหมายเป็นรูปธรรม สู่การเรียนการสอนได้จริงขึ้นมา เพื่อรับรางวัลสุดยอดโรงเรียนสร้างสรรค์สื่อนวัตกรรมรณรงค์ลดน้ำหนัก ส่งเสริมสุขภาพในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพฯ รับรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

"ผลงานที่ได้จะเป็นต้นแบบสื่อที่ดี เป็นพี่เลี้ยงให้กับโรงเรียนอื่นๆ ยกระดับขยายพื้นที่ ผ่านการประยุกต์ใช้หลักสูตรต่างๆ ให้เหมาะสม เช่น โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.), กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (อปท.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ผ่านการอบรมผู้บริหาร ครู และนักเรียนแกนนำ รูปแบบ Train for The Trainer เน้นกลุ่มนักเรียน ป.4 - 6 ใน 4 ภูมิภาค สร้างนักสื่อสารสุขภาวะ ที่พัฒนาสื่อเป็นนวัตกรรม ให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมแต่ละพื้นที่ ลดปัญหาโภชนาการระยะยาว โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามประกาศของโครงการได้ที่ www.artculture4health.com"

สำหรับปีนี้ โรงเรียนที่ได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้แก่ โรงเรียนวัดปากบ่อ โรงเรียนที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ โรงเรียนวัดประชาระบือธรรม รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ โรงเรียนวัดอินทราวาส รางวัลชมเชยได้แก่ โรงเรียนวัดบางบอน (พิมพ์ จัน แต้อุปถัมภ์) และโรงเรียนวัดจันทร์ประดิษฐาราม


ข่าวเครือข่ายลดบริโภคเค็ม+เครือข่ายคนไทยไร้พุงวันนี้

"มาตรการลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหาร" สถานการณ์และผลสุ่มสำรวจโซเดียม กลุ่มขนมขบเคี้ยว กลุ่มอาหารแช่เย็น-แช่แข็ง และกลุ่มอาหารสำเร็จรูป ปี 2568 Sodium บ่อเกิดของโรค NCDs เตือนอ่านฉลากก่อนเลือกบริโภค

สมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย : นายกสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย ร่วมกับเครือข่ายลดบริโภคเค็ม สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้โครงการสำรวจข้อมูลโภชนาการในผลิตภัณฑ์อาหาร 2567 สุ่มสำรวจอ่านฉลากค่าโซเดียมกลุ่มขนมขบเคี้ยว จำนวน จำนวน 352 ตัวอย่าง กลุ่มอาหารแช่เย็น แช่แข็งสำหรับอุ่นร้อนพร้อมรับประทาน จำนวน 60 ตัวอย่าง และกลุ่มอาหารสำเร็จรูป (อาหารพร้อมบริโภคและอาหารกระป๋อง) จำนวน 48 ตัวอย่าง ได้จัด

เค็มน้อย อร่อยได้ จริงหรือ? มาพิสูจน์กันท... เค็มน้อย อร่อยได้ จริงหรือ? มาพิสูจน์กันที่งานครบรอบ 10 ปี เครือข่ายลดบริโภคเค็ม — เค็มน้อย อร่อยได้ จริงหรือ? มาพิสูจน์กันที่งานครบรอบ 10 ปี เครือข่ายลดบ...

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ห... CPF ส่งเสริมสุขภาพเชิงรุกผู้บริโภค พัฒนาอาหารลดโซเดียม หนุนเครือข่ายลดบริโภคเค็ม — บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ หนึ่งในผู้นำกลุ่มอ...

เครือข่ายลดบริโภคเค็ม โดยการสนับสนุนของสำ... เครือข่ายลดบริโภคเค็ม ประกาศจัด "งานนิทรรศการครบรอบ 10 ปีเครือข่ายลดบริโภคเค็ม" — เครือข่ายลดบริโภคเค็ม โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสร...

สสส.-เครือข่ายลดบริโภคเค็ม-WHO หนุน 4 มาตรการ "ลดการบริโภคเกลือโซเดียม" ดึง ผู้ประกอบการปรับสูตรอาหาร-กำหนดนโยบายจัดซื้ออาหารอ่อนเค็มในองค์กร

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2565 ทพญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์ ประธานกรรมการกำกับทิศทางแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า...

จากผลงานวิจัยล่าสุดในปี 2564 ซึ่งได้รับกา... พฤติกรรมคนไทยบริโภคโซเดียม ยุค 2021 สะท้อนงานวิจัย...คนไทยกินเค็มเกิน 2 เท่า — จากผลงานวิจัยล่าสุดในปี 2564 ซึ่งได้รับการพิมพ์ในวารสาร Journal of Clinical...