วช.หนุนตั้งศูนย์วิจัยชุมชนทั่วประเทศ เน้นถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสม โชว์ศูนย์วิจัยชุมชนผ้าย้อมครามสุขภาพ บ้านดอนกอย จ.สกลนคร ผลงานทีม มรภ. สกลนคร ร่วมกับเครือข่ายวิจัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อยอดองค์ความรู้จากปราชญ์ชาวบ้านสู่การยกระดับผ้าย้อมครามเชิงสุขภาพ
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า การจัดตั้ง "ศูนย์วิจัยชุมชน" นับเป็นงานที่สำคัญงานหนึ่งของ วช. ที่ได้ร่วมกับเครือข่ายวิจัยภูมิภาคทั้ง 4 ภูมิภาคในการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นตามนโยบายรัฐบาลเมื่อปี 2561 วช.ได้มีการเชื่อมโยงบูรณาการความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชน ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อให้ชุมชนสามารถเข้าถึงและนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์หรือประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพ โดยจะมีการพัฒนาทักษะและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้กับคนในชุมชน อย่างเช่น " ศูนย์วิจัยชุมชนผ้าย้อมครามสุขภาพ บ้านดอนกอย จังหวัดสกลนคร " ที่มี ผศ.ดร.พรกมล สาฆ้อง จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เป็นหัวหน้าทีมวิจัยฯ ที่ได้เข้าไปศึกษาความต้องการ รวบรวมองค์ความรู้ในการแก้ไขปัญหา และสนับสนุนงานในด้านต่าง ๆ แก่ศูนย์วิจัย ฯ
ผศ.ดร.พรกมล สาฆ้อง กล่าวว่า ทีมวิจัยได้ร่วมกับเครือข่ายวิจัยภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการสนับสนุน "ศูนย์วิจัยชุมชนผ้าย้อมครามสุขภาพ บ้านดอนกอย จังหวัดสกลนคร" ในเรื่องต่าง ๆ เช่น การนำองค์ความรู้ผ้าย้อมครามมาถ่ายทอดขยายผลสู่กลุ่มวิสาหกิจทอผ้าย้อมคราม บ้านดอนกอย ซึ่งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร และการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ชุมชน ฯ โดยเน้นขยายผลและต่อยอดจากองค์ความรู้ที่คนในชุมชน หรือปราชญ์ชาวบ้านดำเนินการอยู่แล้ว โดยศูนย์วิจัยชุมชนจะทำงานร่วมกับพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพื้นที่อย่างแท้จริง
สำหรับผ้าย้อมครามบ้านดอนกอย ถือเป็นการสืบสานงานหัตถกรรมจากบรรพบุรุษ "เผ่าภูไท" จากการทอผ้าใช้เองในครัวเรือนมาสู่งานเชิงพาณิชย์ ซึ่งเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของกลุ่มแม่บ้านที่เริ่มก่อตั้งในวันที่ 3 กันยายน 2546 จากสมาชิก 9 คน ในปัจจุบันมีสมาชิก 70 คน โดยผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมครามดอนกอยเป็นผ้าที่สีสวย มีความวาว มีความนุ่ม และกลิ่นหอมของคราม เป็นเอกลักษณ์ที่ลูกค้าเห็นและสามารถจำแนกชิ้นงานได้ชัดเจน
ผศ.ดร.พรกมล กล่าวว่า ในโครงการดังกล่าว ทีมวิจัยฯ ได้เข้าไปช่วยยกระดับมูลค่าของผ้าย้อมครามด้วยการนำเสนอข้อมูลด้านสุขภาพของผ้าย้อมคราม ซึ่งเป็นผลงานวิจัยและผ่านการทดสอบแล้ว โดยพบว่า ผ้าย้อมครามคุณสมบัติในการยับยั้งแบคทีเรียบริเวณใต้วงแขนของเสื้อผ้า ยับยั้งกลิ่นตัว ป้องกันแสงยูวี และยังลดรอยฟกช้ำ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคหรือผู้ซื้อ จนกระทั่งได้รับการคัดสรรเป็นสินค้า 6 ดาวของจังหวัดสกลนคร
ปัจจุบันสินค้าครามของจังหวัดสกลนครมี 2 รูปแบบคือ รูปแบบผ้าย้อมคราม และรูปแบบเนื้อครามสำหรับใช้เตรียมสีย้อม โดยเนื้อครามมีผลต่อคุณภาพการย้อมครามทำให้สีสวย และติดทนบนเส้นใยผ้า เนื้อครามที่มีคุณภาพจะต้องมีปริมาณอินดิโกบลู (สารสี) ในปริมาณสูง
"จากงานวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณอินดิโกบลูในต้นครามมาจากสายพันธุ์ การปลูก และอายุในการเก็บเกี่ยว และเมื่อศึกษาลักษณะทางกายภาพของต้นครามที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวครามพบว่า เมื่อระยะต้นครามเริ่มมีฝักสีน้ำตาลจะให้ปริมาณอินดิโกบลูมากที่สุด จึงอยากร่วมกับชุมชนที่จะพัฒนากรรมวิธีการผลิตเนื้อครามให้มีปริมาณอินดิโกบลูสูงขึ้น เนื่องจากเป็นวัตถุดิบต้นน้ำในการย้อมผ้าคราม นอกจากนี้ยังได้พัฒนาวิธีการวิเคราะห์อินดิโกบลูในเนื้อครามเพื่อใช้ในการจำแนกคุณภาพ และอาจใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดราคาของเนื้อครามได้ในอนาคต"
ทีมวิจัยยังพบอีกว่า ชนิดและอายุของพืชที่นำมาทำน้ำด่างมีผลต่อคุณภาพของน้ำย้อมคราม ซึ่งมีผลต่อความสวยงามของชิ้นงานที่ย้อมและความคงทนของการติดสีครามบนเส้นใย และที่สำคัญจะต้องตระหนักถึงอายุของต้นไม้ที่ตัดมาทำน้ำด่างด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ เนื่องจากต้นไม้ที่เหมาะสมนำมาทำน้ำด่างต้องมีอายุ 3 ปีขึ้นไป
ผศ.ดร.พรกมล กล่าวอีกว่า เนื่องจากมีงานวิจัยที่เข้ามาศึกษาการย้อมผ้าครามในปัจจุบันมีจำนวนมาก แต่ยังขาดในส่วนของการวิเคราะห์คุณภาพทั้งระบบของการย้อมผ้าคราม ทีมวิจัยจึงมุ่งเน้นการพัฒนาวิธีการตรวจสอบคุณภาพเนื้อครามและผ้าครามเพื่อสร้างมาตรฐานของคุณภาพครามให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เช่น การพัฒนาวิธีการวิเคราะห์การตรวจสอบหาปริมาณอินดิโกบลูในเนื้อครามในระดับโมเลกุล พัฒนาวิธีการตรวจสอบผ้าย้อมครามธรรมชาติและผ้าย้อมครามสังเคราะห์ การตรวจสอบโลหะหนักบนผ้าย้อมคราม
นอกจากการพัฒนาเรื่องการตรวจสอบคุณภาพผ้าครามแล้ว ทางทีมวิจัยยังได้พัฒนาการใช้ประโยชน์จากต้นครามนอกเหนือจากการใช้เพื่อย้อมผ้าครามเพียงอย่างเดียว โดยปัจจุบันทางทีมวิจัยกำลังพัฒนากระบวนการสกัดสารจากต้นครามด้วยกรรมวิธีที่มิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อนำสารสกัดไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่อไป
วช. และ The University of Osaka ลงนามความร่วมมือ ยกระดับและขยายเครือข่ายการวิจัย พร้อมส่งเสริมการแลกเปลี่ยนกำลังคนด้านการวิจัยในด้านวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์
วช. จุฬา ม.เกษตร และกรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมแถลงข่าวแนวโน้มสถานการณ์อากาศและน้ำท่วมในภาคกลาง จากชุดข้อมูล เทคโนโลยี จากงานวิจัยและนวัตกรรม เตรียมรับมือและเฝ้าระวังภัยภัยจากพายุ
สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ ร่วมกับ วช. ถ่ายทอดการบินโดรนเพื่อการเกษตร ให้กับ วิทยาลัยเทคนิคปักธงชัย จ.นครราชสีมา
สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ ร่วม วช. จัดอบรม "โดรน" ด้านท่องเที่ยวและการเกษตร วิทยาลัยเทคนิคสุโขทัย พร้อมต่อยอด
วช. HTAPC ร่วมกับ กทม. สภาลมหายใจกรุงเทพฯ และ กรีนพีซ ประเทศไทย ร่วมแก้ปัญหา "ฝุ่นไร้เขตแดน" ในกิจกรรม "นักสืบฝุ่น The Series"
วช. นำ 3 ผลงานที่ได้รับรางวัลเลิศรัฐ 2568 เปิดเวทีเสวนา NRCT Talk ขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมสู่สังคมยั่งยืน
อาหารเสริมไทยสร้างความภาคภูมิใจให้ไทยด้วยการคว้า 2 รางวัลนานาชาติงาน IEI 2025 และรางวัลพิเศษ Special Prize จาก วช. ณ China Import and Export Fair Complex นครกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน
วช. ขับเคลื่อนงานวิจัยสู่ชุมชน ถ่ายทอดความรู้ "นวัตกรรมเครื่องผลิตปุ๋ยหมัก" ณ องค์การบริหารส่วนตำบลภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
วช. สนับสนุนความร่วมมือสถาบันการศึกษาและหน่วยงานท้องถิ่น เปิดศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีโดรนเพื่อการเกษตร ณ วิทยาลัยเทคนิคปักธงชัย เพื่อยกระดับเกษตรกรรมในพื้นที่