ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นแหล่งรายได้ของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย แต่การนำไปปฏิบัติจริงกลับไม่มีความเท่าเทียมกัน หนังสือเล่มใหม่ของสถาบันลินคอล์น ( Lincoln Institute) ในชื่อ " Property Tax in Asia: Policy and Practice " (ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเอเชีย: นโยบายและการปฏิบัติ) (หนังสือปกอ่อนราคา 60.00 ดอลลาร์ จำนวน 552 หน้า: ISBN: 978-1-55844-423-2) จะมอบการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับวิธีการที่เครื่องมือทางการเงินที่สำคัญนี้ถูกนำไปใช้ในทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างเอเชีย
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยทีมผู้เชี่ยวชาญชั้นนำและเรียบเรียงโดยวิลเลียม แมคคลัสกี ( William McCluskey) รอย บาห์ล (Roy Bahl) และเรียล ฟรานเซน (Riel Franzsen) มอบบทวิเคราะห์เปรียบเทียบและคำแนะนำอย่างละเอียด โดยมีกรณีศึกษาเชิงลึก 13 กรณีครอบคลุมภูมิภาคที่มีประชากรเกือบครึ่งโลก
"กรณีศึกษาของเราใน 13 ประเทศและภูมิภาคเหล่านี้พบว่า ประเทศต่าง ๆ ปรับปรุงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ทันสมัยในวิธีที่แตกต่างกันมาก รวมถึงวิธีการใช้ประโยชน์จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อเพิ่มรายได้ และทำให้เป็นเครื่องมือบังคับใช้นโยบายการใช้ที่ดินและส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางสังคม" บรรณาธิการกล่าว
หนังสือเล่มนี้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับทั้งนักวิชาการและผู้กำหนดนโยบาย มอบบททบทวนด้านกฎหมาย แนวทางปฏิบัติด้านการบริหาร ข้อเสนอการปฏิรูป เทคโนโลยี และการอภิปรายทางการเมืองอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุด ซึ่งเป็นตัวกำหนดรูปแบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศทุกขนาดและทุกระดับรายได้
โดยทั่วไปแล้ว ประเทศที่มีฐานะทางการเงินดีกว่า เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์ มีระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ทำงานได้ดี แม้จะเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ เช่น ความไม่ชัดเจนในการเป็นเจ้าของบ้านร้างในญี่ปุ่นที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนการที่จีนและเวียดนามไม่อนุญาตให้เอกชนเป็นเจ้าของที่ดินนั้น ทำให้รัฐบาลต้องพึ่งพาค่าธรรมเนียมก้อนใหญ่แบบครั้งเดียวจากการใช้ที่ดิน ซึ่งมีเสถียรภาพน้อยกว่าภาษีที่เก็บเป็นประจำ นอกจากนี้ ประเทศที่มีรายได้น้อยจำนวนมากต่างประสบปัญหาฐานภาษีแคบ การตีมูลค่าทรัพย์สินต่ำเกินไป การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด และความท้าทายทางการเมือง
เพื่อเป็นตัวแทนของประเทศราว 50 ประเทศ บรรณาธิการได้เลือก 13 กรณีศึกษาโดยพิจารณาจากการใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การบริหารจัดการที่ทันสมัย การใช้เทคโนโลยี และประวัติเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กรณีศึกษาเหล่านี้ครอบคลุมประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้และตะวันออก เขตอำนาจที่จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นประจำซึ่งคิดเป็นอย่างน้อย 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม และประเทศที่มีรายได้น้อยกว่าหลายแห่งทั่วเอเชีย ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม
หนังสือเล่มนี้ยอมรับว่าหลาย ๆ เงื่อนไขมีความแตกต่างกันมาก โดยได้แนะนำแนวทางปฏิรูป 10 ประการต่อไปนี้
- พัฒนากลยุทธ์ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- ใช้แนวทางที่ครอบคลุมในการปฏิรูป
- ชี้แจงบทบาทต่าง ๆ ของรัฐบาลระดับชาติ ระดับจังหวัด และระดับท้องถิ่น
- ยกเลิกการยกเว้นภาษีที่ไม่จำเป็น
- ลดความซับซ้อนของโครงสร้างอัตราภาษี
- บังคับใช้ภาษีการโอนทรัพย์สิน
- ยกระดับคุณภาพการประเมินที่ดิน และการปฏิบัติตามรอบการประเมินค่าใหม่ตามกฎหมาย
- ยกระดับการปฏิบัติตามภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยสมัครใจ
- ลดความซับซ้อนและปรับปรุงการจัดการสาธารณะ
- ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
Property Tax in Asia: Policy and Practice เป็นหนังสือชุดล่าสุดของสถาบันลินคอล์นที่วิเคราะห์ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในภูมิภาคที่สำคัญของโลก ประกอบด้วย Property Tax in Africa: Status, Challenges, and Prospects (2560) และ Property Tax Systems in Latin America and the Caribbean (ตีพิมพ์ในภาษาสเปน, 2559) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของสถาบันลินคอล์น: https://go.lincolninst.edu/l/153411/2022-09-27/pq784c
ความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเอเชีย
"หนังสือเล่มนี้มอบข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นมากเกี่ยวกับรูปแบบการจัดเก็บภาษีที่มักเข้าใจผิดกันมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก นักการเมืองและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักต้องเข้าใจทุกแง่มุมของภาษี เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติโดยยึดหลักนโยบายที่มั่นคงเพื่อให้มีรายได้เพียงพอไว้หนุนบริการที่จำเป็นในท้องถิ่น หนังสือเล่มนี้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของนักเขียนและบรรณาธิการที่มีชื่อเสียง มอบบทวิเคราะห์เกี่ยวกับระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ประสบความสำเร็จในประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย รวมถึงมอบข้อแนะนำในการปฏิรูป"
— พอล แซนเดอร์สัน (Paul Sanderson) ประธานสถาบันภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างระหว่างประเทศ
"นี่คือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่สนใจในการสร้างรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีข้อจำกัดทางการเงินนี้ โดยคุณแมคคลัสกี คุณบาห์ล และคุณฟรานเซน ได้ใช้กรณีศึกษาที่หลากหลายเพื่อตรวจสอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเอเชียอย่างเชี่ยวชาญ หนังสือเล่มนี้ให้บทเรียนอันล้ำค่าแก่นักวิชาการ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้ปฏิบัติงานด้วยการตรวจสอบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอย่างละเอียดทุกด้าน"
— เดโบราห์ เวทเซล (Deborah Wetzel) อดีตผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกำกับดูแล ธนาคารโลก และนักวิชาการอาวุโสฝ่ายธรรมาภิบาล ประจำสถาบันเพื่อประสิทธิผลของรัฐ
"หนังสือเล่มนี้จะช่วยกำหนดอนาคตของการปฏิรูป ออกแบบ และดำเนินการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ผู้กำหนดนโยบาย นักวิชาการ และนักศึกษาจะพบว่าเนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ กรอบการวิเคราะห์ การเปรียบเทียบข้ามประเทศ และกรณีศึกษาโดยละเอียดจะมอบข้อมูลเชิงลึกและบทเรียนเกี่ยวกับวิธีการออกแบบและการดำเนินการปฏิรูปภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอย่างมีกลยุทธ์"
— รอย เคลลี (Roy Kelly) ศาสตราจารย์ปฏิบัติวิชาชีพ วิทยาลัยนโยบายสาธารณะแซนฟอร์ด มหาวิทยาลัยดุ๊ก
"หนังสือเล่มนี้เรียบเรียงโดยนักวิชาการด้านภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีชื่อเสียงถึงสามคน เจาะลึกการออกแบบและการดำเนินการด้านภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในทวีปที่ประเทศส่วนใหญ่จำเป็นต้องจัดหาแหล่งรายได้อิสระ เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพและความรับผิดชอบในการใช้จ่ายของรัฐ หนังสือเล่มใหม่นี้จะเป็นทรัพยากรพื้นฐานสำหรับนักวิชาการ ผู้ปฏิบัติงาน และผู้กำหนดนโยบายในเอเชียและทั่วโลก"
— จอร์จ มาร์ติเนซ วาซเกซ (Jorge Martinez-Vazquez) ศาสตราจารย์กิตติคุณสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐจอร์เจีย
"นี่เป็นคู่มือที่จำเป็นสำหรับมืออาชีพและนักศึกษาเกี่ยวกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเอเชีย กรณีศึกษาทั้ง 13 กรณีโดยนักวิชาการและผู้ปฏิบัติงานที่ประจำอยู่ในประเทศเป้าหมาย มอบข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในด้านบริบท วิวัฒนาการ สถาบัน และการวิเคราะห์ระบบภาษีในเอเชีย"
— อี้ลิน โหว (Yilin Hou) ศาสตราจารย์ประจำวิทยาลัยความเป็นพลเมืองและกิจการสาธารณะแมกซ์เวล มหาวิทยาลัยซีราคิวส์
"หนังสือเล่มนี้เป็นเอกสารอ้างอิงที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ร่างกฎหมาย ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานในการคิดค้นและนำระบบการประเมินมูลค่าทรัพย์สินและภาษีอากรไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนาม เป็นเอกสารการสอนที่มีคุณค่าสำหรับการพัฒนาการฝึกอบรมวิชาชีพและการสอนทางวิชาการ"
— โลอัน เอช ตรินห์ (Loan H. Trinh) อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งชาติฮานอย และมหาวิทยาลัยควิเบกในมอนทรีออล
เกี่ยวกับผู้เขียน
วิลเลียม แมคคลัสกี เป็นศาสตราจารย์พิเศษประจำสถาบันภาษีแอฟริกัน มหาวิทยาลัยพรีโตเรีย ประเทศแอฟริกาใต้
รอย บาห์ล เป็นศาสตราจารย์กิตติคุณกิตติมศักดิ์ด้านเศรษฐศาสตร์ และเป็นคณบดีผู้ก่อตั้งวิทยาลัยนโยบายศึกษาแอนดริวยัง ( Andrew Young School of Policy Studies) ประจำมหาวิทยาลัยรัฐจอร์เจีย นอกจากนี้เขายังเป็นศาสตราจารย์พิเศษด้านเศรษฐศาสตร์ประจำสถาบันภาษีแอฟริกัน มหาวิทยาลัยพรีโตเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ด้วย
เรียล ฟรานเซน เป็นศาสตราจารย์และผู้อำนวยการสถาบันภาษีแอฟริกัน มหาวิทยาลัยพรีโตเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ ดำรงตำแหน่งประธานวิจัยด้านนโยบายและธรรมาภิบาลด้านภาษีของแอฟริกาใต้
เกี่ยวกับสถาบันลินคอล์นว่าด้วยนโยบายที่ดิน
สถาบันลินคอล์นว่าด้วยนโยบายที่ดิน ( Lincoln Institute of Land Policy) มุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านการใช้ที่ดิน การเก็บภาษี และการดูแลที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมูลนิธิปฏิบัติการเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2489 สถาบันลินคอล์นทำการวิจัยและแนะนำแนวทางที่สร้างสรรค์ในการใช้ที่ดินเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการศึกษา การฝึกอบรม สิ่งพิมพ์ และกิจกรรม เราบูรณาการทฤษฎีและการปฏิบัติเข้าด้วยกัน เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะทั่วโลก
หลักสูตรไลฟ์ขายสินค้าออนไลน์ สู่อาชีพสร้างรายได้ คืนความเท่าเทียมผู้พิการ ความสำเร็จจากโครงการ Heart to Heart โดย อำพลฟูดส์ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
หลักสูตรไลฟ์ขายสินค้าออนไลน์ สู่อาชีพสร้างรายได้ คืนความเท่าเทียมผู้พิการ ความสำเร็จจากโครงการ Heart to Heart โดย อำพลฟูดส์ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ DKSH ประเทศไทย สานต่อโครงการ 'Patient Purpose Day 2025' ระดมทุนตรวจคัดกรองมะเร็งเพื่อผู้หญิงไทย
ร่วมสร้างโลกแห่งความเท่าเทียมในงาน 'วันภาษามือโลกและสัปดาห์คนหูหนวกโลก 68'
แสนสิริ ผู้บุกเบิกและยืนหยัดเพื่อความเท่าเทียมในสังคม คว้ารางวัล Best Social Movement of the Year
ITEL คว้ารางวัล CSR Award 2025 ตอกย้ำจุดยืนในการสร้างความเท่าเทียม ผ่านแนวคิด "การนำเทคโนโลยี มาพัฒนาประเทศไทย"
TILFF ดัน "ซีรีส์วายไทย" แรงไม่หยุด! หนุนเกิด Business Matching กว่า 300 ครั้งจากกว่า 50 บริษัท ตอกย้ำศักยภาพคอนเทนท์ไทย เป็นที่ต้องการระดับโลก