- ปรากฎการณ์ 'กิน-เที่ยว' ให้หายแค้นหลังโควิด เป็นโอกาสที่ภาคธุรกิจจะเพิ่มยอดขายและประสิทธิภาพในการให้บริการ ด้วยแพลตฟอร์มสโตร์ฮับที่สามารถรับออเดอร์ ชำระเงิน และสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้โดยอัตโนมัติเหมือนมีพนักงานเพิ่มขึ้นถึง 10 คน
- ชี้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและความต้องการด้านดิจิทัลที่สูงขึ้นทำให้ภาคธุรกิจจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย
สโตร์ฮับ (Storehub) บริษัทเทคสตาร์ทอัพของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งให้บริการแพลตฟอร์มเกี่ยวกับ Cloud-based SaaS Point of Sales (POS) ที่ช่วยยกระดับการเติบโตของร้านค้าปลีกและร้านอาหาร ได้รับเงินลงทุนกว่า 13.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 500 ล้านบาทในการระดมทุนรอบ pre-Series B นำโดย 500 Global ร่วมกับนักลงทุนรายเดิมอย่าง Vertex Ventures Southeast Asia & India และ OSK รวมถึงนักลงทุนรายอื่น ๆ
Wai Hong Fong ประธานกรรมการบริหาร (CEO) และหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทสโตร์ฮับ กล่าวว่า "ในยุคหลังโควิด การปรับตัวเพื่อให้เข้ากับยุคนิวนอร์มอล (New Normal) นั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับภาคธุรกิจที่เร่งเดินหน้าเพื่อที่จะกลับมาเปิดกิจการและทำธุรกิจอีกครั้งในขณะที่ปัญหาขาดแคลนแรงงานและความต้องการในด้านดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ที่จะเดินหน้าต่อไปโดยปราศจากเทคโนโลยี"
"ด้วยสิ่งที่เรียกว่า 'Revenge Travel' และ 'Revenge Dining' หรือปรากฎการณ์การกินเที่ยวให้หายแค้นนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจต่าง ๆ ต่างจับตาดู เพื่อสรรหาวิธีการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจและเพิ่มยอดขายจากลูกค้า แพลตฟอร์มสโตร์ฮับสามารถรับออเดอร์ ชำระเงิน และสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้อย่างอัตโนมัติ นั่นทำให้เราเหมือนกับมีพนักงานเพิ่มขึ้นถึง 10 คนที่สามารถทำงานให้คได้ตลอด 24 ชั่วโมงตลอดสัปดาห์โดยไม่มีข้อผิดพลาด ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถสร้างผลกำไรได้มากขึ้น และมีเวลาเหลือมากพอที่จะไปคิดแผนการขยายธุรกิจ หรือแม้กระทั่งมีเวลาว่างสำหรับครอบครัวมากขึ้น"
"ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานี้ สโตร์ฮับมีการทำรายการในระบบไปแล้วกว่า 128 ล้านครั้ง คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับมูลค่าเงินเต็มที่ผ่านระบบ (GTV) เพิ่มขึ้นกว่า 40% จากปีที่ผ่านมา และเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับธุรกิจร้านอาหาร มีร้านค้าใหม่ที่เข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์มเราเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้นทุนในการดึงร้านค้าใหม่ ๆ เข้ามาใช้บริการนั้นพัฒนาขึ้นอย่างน่าพอใจ โดยสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในเดือนแรก เพื่อเป็นการตอบรับกับความต้องการที่มากขึ้น สโตร์ฮับจึงได้ขยายทีมงานด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นกว่า 100 คนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา"
ปัจจุบันแพลตฟอร์มของสโตร์ฮับมีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 15,000 รายทั้งในร้านค้าปลีกและร้านอาหารทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และล่าสุดได้เพิ่มการให้บริการในส่วนของระบบ QR สำหรับสั่งอาหาร ระบบสมัครสมาชิกและสะสมแต้ม รวมถึงระบบสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบอัตโนมัติ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการมานั้น สโตร์ฮับได้เป็นส่วนหนึ่งในหลากหลายธุรกิจ SME มากมายในประเทศไทย ตั้งแต่ร้านอาหารและคาเฟ่ เช่น Flash Coffee, Cha Bar BKK, High Tide Eatery ไปจนถึงร้านค้าปลีกอย่าง Bora Korean Mart, Suitcube และยังรวมถึงธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น Salondio, OJHAIR และ OnDemand เป็นต้น
ในปี 2564 ที่ผ่านมา สโตร์ฮับสามารถทำรายได้สุทธิจากการเพิ่มค่าเฉลี่ยการใช้งานต่อลูกค้าหนึ่งรายได้ในช่วงสถานการณ์โรคระบาด การระดมทุนรอบล่าสุดนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งาน รวมถึงเพื่อรักษาฐานลูกค้าและลงทุนในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อให้สามารถเพิ่มมูลค่าการใช้งานจากลูกค้าแต่ละคนได้
บริษัท 500 Global ผู้นำการระดมทุนในบริษัทสโตร์ฮับในรอบนี้ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนแรก ๆ ที่ร่วมการเดิมพันครั้งใหญ่ จนได้สโตร์ฮับเข้ามาเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีผลการดำเนินการดีที่สุดของบริษัท โดย Khailee Ng พาร์ทเนอร์ด้านการจัดการ ( Managing Partner) ของบริษัท 500 Global กล่าวว่า "เราเข้าร่วมการระดมทุนรอบแรกในปี 2559 ด้วยเงินทุนเพียง 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เราได้ลงทุนรวมทั้งสิ้นมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว"
"หากวิเคราะห์จากบริษัทที่มีความคล้ายคลึงกันอย่าง Toast (NYSE:TOST) นั้นมีมูลค่าราว ๆ 10.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (9 กันยายน 2565) แต่สโตร์ฮับนั้นมูลค่าถึงหนึ่งในสี่โดยประมาณของขนาดฐานลูกค้าของ Toast ซึ่งยังรวมถึงอีกราว ๆ 2 ล้านธุรกิจที่น่าจับตาทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย และฟิลิปินส์ นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนในการสร้างสูตรสำเร็จในการทำธุรกิจในส่วนอื่น ๆ ของโลกด้วย โดยเราเชื่อมั่นว่าสโตร์ฮับนั้นมีมูลค่ามากอย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึง เพราะตัวบริษัทสโตร์ฮับเองนั้นสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ SMEs อีกมากมาย" Khailee Ng กล่าว
ทั้งนี้ Wai Hong Fong และ Congyu Li ริเริ่มก่อตั้งบริษัทในปี 2556 เริ่มต้นธุรกิจจากการเป็นผู้บุกเบิกระบบ Cloud-based SaaS Point of Sales (POS) ในภูมิภาคนี้
กรมส่งเสริมการเกษตร เดินหน้าสร้างเกษตรปลอดเผายั่งยืน สู้ PM2.5
Bitget ชูกลยุทธ์ Music Marketing ร่วมเป็นพันธมิตร UNTOLD Dubai มหกรรมดนตรีระดับโลก เชื่อมมวลชนเข้าถึงคริปโท-หวังดึงผู้ใช้งานใหม่สู่เป้าหมาย 150 ล้านคนภายในปี 2026
นักวิชาการชี้ "ไม่เทรวม" กทม. คือ จุดเริ่มต้นที่สำคัญ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยหนุนเร่งเครื่อง ชวนคนกรุงร่วมเปลี่ยนเมืองอย่างยั่งยืน
มิสแกรนด์สงขลาและสตูล จับมือ Bitkub Blockchain Technology ?ประยุกต์ใช้ NFT Solution ยกระดับวงการนางงามสู่โลกดิจิทัล พร้อมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน BITKUB SUMMIT 2025
ผู้ใหญ่กว่า 66% ในกลุ่มประเทศสมาชิก OECD ยังขาดความรู้ด้านการเงิน: การมีส่วนร่วมคือคำตอบ
'ยานน์ มาร์เดนโบโร' นักแข่งรถมืออาชีพ และ INTERPOL ร่วมงาน Kaspersky SAS 2025
โรบินฮู้ด เปิดตัว "Robinhood Coin" ยกระดับความสัมพันธ์กับลูกค้า สู่ชุมชนแฟนพันธุ์แท้แห่งแรกในวงการ Food Delivery ไทย
สบส. จัดกิจกรรม CSR ส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก สร้างสังคมแห่งสุขภาวะ
efin Group ร่วมจัดกิจกรรม "Friday Meeting" แก่นิสิตหลักสูตร CEDT จุฬาฯ เสริมทักษะ Soft Skills และแนะแนววางแผนการเงินอย่างยั่งยืน