UMI คัมแบ็ก ! ผลงาน 9 เดือน พลิกมีกำไรอยู่ที่ 169 ลบ. โกยรายได้ 2,021 ลบ. แย้ม Q4/65 สดใส กิจกรรมการตลาดกระตุ้นโค้งสุดท้ายของปี

15 Nov 2022

"บมจ.สหโมเสคอุตสาหกรรม หรือ UMI" ส่งสัญญาณบวก งวด 9 เดือน พลิกมีกำไรอยู่ที่ 169 ลบ. เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 13 ล้านบาท กวาดรายได้จากการขาย 2,021 ลบ. ส่วนงบ Q3/65 มีรายได้จากยอดขายสินค้า 695 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112 ล้านบาท เติบโต 19% จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายและการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกำไรอยู่ที่ 2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 8.8 ล้านบาท ส่งซิกแนวโน้ม Q4/65 สดใส จัดอีเวนต์กระตุ้นยอดขายโค้งสุดท้ายของปี

UMI คัมแบ็ก ! ผลงาน 9 เดือน พลิกมีกำไรอยู่ที่ 169 ลบ. โกยรายได้ 2,021 ลบ. แย้ม Q4/65 สดใส กิจกรรมการตลาดกระตุ้นโค้งสุดท้ายของปี

บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ UMI ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเบื้องชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ดูราเกรสและเซอเกรส เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อย ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565) มีรายได้จากการขาย 2,021 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157 ล้านบาท หรือร้อยละ 8 โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 182 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 13 ล้านบาท

สำหรับงวด 9 เดือน ผลประกอบการออกมาเป็นที่น่าพอใจทั้งรายได้และกำไร แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นลดลงร้อยละ 4 จากร้อยละ 24 ปรับลงมาอยู่ที่ร้อยละ 20 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 53 ขณะที่รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 364 ล้านบาท จากกำไรในการซื้อหนี้ปรับโครงสร้าง 354 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น 22 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 74 ล้านบาท จากกำไรในการซื้อหนี้ปรับโครงสร้าง

ขณะที่ผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/2565 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากยอดขายสินค้าจำนวน 695 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายและการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนพลังงานที่ปรับสูงขึ้นอย่างมาก โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 21 ลดลงร้อยละ 3 จากร้อยละ 24 ในไตรมาส 3/2564 จากต้นทุนพลังงานที่ปรับสูงขึ้นร้อยละ 66 ส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ที่ 2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 8.8 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มผลงานในไตรมาส 4/2565 คาดว่ามีทิศทางการเติบโตที่ดี จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด ส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและแนวทางกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ถึงแม้จะมีความกดดันในเรื่องของเงินเฟ้อ จากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภค และจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เชื่อว่าหลังน้ำลดจะมีการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โดยบริษัทจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าเพื่อกระตุ้นยอดขาย คาดว่าจะเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทในช่วงโค้งสุดท้ายของปี