สคร.12 สงขลา เตือน ปชช. ภาคใต้ตอนล่าง หน้าฝน ระวังป่วยโรคเมลิออยโดสิส (โรคไข้ดิน) เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เตือนประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ระวังป่วยด้วยโรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis) หรือโรคไข้ดิน เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง โรคธาลัสซีเมีย และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง แนะเลี่ยงสัมผัสดินและน้ำ เมื่อมีบาดแผล ไม่เดินเท้าเปล่า ใส่บูทยาวเมื่อต้องลุยน้ำ และดื่มน้ำจากแหล่งที่สะอาดหรือน้ำต้มสุก หากมีอาการไข้ร่วมกับประวัติสัมผัสดินหรือแหล่งน้ำธรรมชาติโดยไม่ป้องกัน ให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติเสี่ยง  

สคร.12 สงขลา เตือน ปชช. ภาคใต้ตอนล่าง หน้าฝน ระวังป่วยโรคเมลิออยโดสิส (โรคไข้ดิน) เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลากล่าวถึงสถานการณ์โรคเมลิออยโดสิส ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง จากข้อมูลระบบเฝ้าระวังโรค กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 18 กันยายน 2565 เขตสุขภาพที่ 12  มีรายงาน ผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิส จำนวน 51 ราย โดยจังหวัดที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ สงขลา จำนวน 24 ราย รองลงมา ตรัง 9 ราย, พัทลุง 8 ราย, นราธิวาส 6 ราย, ปัตตานี 3 ราย และสตูล 1 ราย พบผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยผู้ป่วยเพศชาย ร้อยละ 70.59 ผู้ป่วยเพศหญิง ร้อยละ 29.41 ผู้ป่วยที่พบส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุ กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือ 55-64 ปี ร้อยละ 29.41 รองลงมาคือ 65 ปีขึ้นไป ร้อยละ 23.53 และรายงานผู้เสียชีวิต 12 ราย ได้แก่ สงขลา 7 ราย, ตรัง 3 ราย, ปัตตานี 1 ราย และสตูล 1 ราย สคร.12 สงขลา เตือน ปชช. ภาคใต้ตอนล่าง หน้าฝน ระวังป่วยโรคเมลิออยโดสิส (โรคไข้ดิน) เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

จากการสอบสวนโรคพบว่า ผู้เสียชีวิตมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ร้อยละ 87.50 ประกอบอาชีพที่ต้องสัมผัสดินเป็นประจำ (ทำสวน ดำนา ขุดดิน หาปลา เลี้ยงวัว) โดยไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันอย่างสม่ำเสมอ ร้อยละ 75 ปลูกต้นไม้และปลูกผักบริเวณบ้านโดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน ร้อยละ 25

โรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เบอร์โคเดอเรีย สูโดมัลลิอาย (Burkholderia pseudomallei) ซึ่งพบได้ทั่วไปในดินและน้ำ นาข้าว ท้องไร่ แปลงผัก สวนยาง ทั่วทุกภาคในประเทศไทย พบรายงานผู้ป่วยมากในช่วงฤดูฝน (ตุลาคม - ธันวาคม) และถือเป็นโรคประจำถิ่นที่พบผู้ป่วยประปรายได้ตลอดปี โดยผู้ป่วยมักรับเชื้อที่อยู่ในดินและน้ำ สามารถติดต่อได้ 3 ทาง คือ 1.ทางผิวหนังที่มีบาดแผล หรือผิวหนังที่อ่อนนุ่มจากการแช่น้ำหรือสัมผัสพื้นที่ชื้นแฉะ 2.หายใจเอาฝุ่นจากดินหรือน้ำที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป 3.ดื่มหรือกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป และพบว่าระยะฟักตัวของเชื้อ คือ 1-21 วัน บางรายอาจนานเป็นปี ผู้ติดเชื้อจะมีอาการหลากหลายจนถึงไม่มีอาการ ผู้ป่วยมักมีอาการไข้ทั้งแบบเฉียบพลัน หรือ ไข้เรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ มีเนื้อตาย แผล ฝี หนองที่ปอด ตับ ม้าม แผลอักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดซึ่งมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้น หากมีไข้สูง เป็นเวลานานเกิน 3 วัน หรือเกิดแผลฝีหนองตามร่างกาย ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง ให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติเสี่ยง 

สำหรับการรักษา ผู้ที่มีอาการเข้าได้กับโรคเมลิออยโดสิสจะได้รับการเก็บตัวอย่างเพื่อเพาะเชื้อยืนยันการวินิจฉัย จากนั้นแพทย์จะให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะที่เฉพาะเจาะจงและเหมาะสม กับผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องอย่างน้อย 14 วัน หากยังมีเชื้อหลงเหลืออยู่ แพทย์จะพิจารณาปรับยาปฏิชีวนะเพิ่มตามความเหมาะสม เพื่อฆ่าเชื้อและป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

ทั้งนี้ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้ส่วนใหญ่ คือ ผู้ประกอบอาชีพสัมผัสดินและน้ำโดยตรงเป็นเวลานาน เช่น เกษตรกร ทำนา ทำสวน และประมง โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง, โรคเบาหวาน, โรคติดสุรา, โรคไตเรื้อรัง หรือผู้มีโรคประจำตัวที่เป็นสาเหตุให้มีภูมิคุ้มกันต่ำอื่น ๆ เช่น โรคมะเร็ง ผู้ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน และผู้ป่วยที่ได้รับยา สเตียรอยด์เป็นเวลานาน หรือผู้ที่ทานยาต้ม ยาหม้อ ยาชุด ยาลูกกลอนที่มีสเตียรอยด์ปนเปื้อน มีความเสี่ยงต่อโรครุนแรงสูงขึ้น

นายแพทย์เฉลิมพล กล่าวว่า สคร.12 สงขลา ขอแนะนำวิธีการป้องกันโรคเมลิออยโดสิส ได้แก่ 1.ผู้ที่มีบาดแผลให้หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็นขอให้สวมรองเท้าบูท ถุงมือยาง กางเกงขายาวหรือ  ชุดลุยน้ำและรีบทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำสะอาดและสบู่ 2.สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ทุกครั้งเมื่อทำงานหรือมีกิจกรรมที่สัมผัสดินหรือโคลน 3.หากมีบาดแผลที่ผิวหนัง ควรรีบทำความสะอาดบาดแผล และหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท 4.ทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำต้มสุก 5.หลีกเลี่ยงการสัมผัสลม ฝุ่น และการอยู่ท่ามกลางสายฝน หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

 


ข่าวสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่+สำนักงานป้องกันควบคุมโรควันนี้

สคร.12 สงขลา ร่วมรณรงค์สงกรานต์ "ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ" เน้นย้ำ "ดื่มไม่ขับ ง่วงไม่ขับ คาดเข็มขัดนิรภัย รถตู้โดยสารสาธารณะปลอดภัย "

เทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา ห่วงใยพี่น้องประชาชน เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยว ร่วมรณรงค์สงกรานต์ "ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ" เน้นย้ำ "ดื่มไม่ขับ ง่วงไม่ขับ คาดเข็มขัดนิรภัย รถตู้โดยสารสาธารณะปลอดภัย" ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวถึง สถานการณ์การบาดเจ็บทางถนนในช่วง 7 วันอันตราย (ระหว่างวันที่ 11 17 เม.ย. 2567) ประเทศไทย มีผู้บาดเจ็บ 2,060

เนื่องในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ก... สคร.12 สงขลา ร่วมรณรงค์ วันวาเลนไทน์ 2568 ภายใต้แนวคิด "รัก" เลือกได้ : Youth Choices for SAFE SEX — เนื่องในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2568 กรมควบคุมโรค ...

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงข... สคร.12 สงขลา เตือนประชาชน ลงเล่นน้ำทะเลฝั่งอ่าวไทย ระวังภัยจาก แมงกะพรุนหัวขวด — สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) เตือนประชาชนก่...

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงข... สคร. 12 สงขลา แนะ ยึดหลัก "สุก ร้อน สะอาด" ป้องกัน เชื้อ "โนโรไวรัส" — สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) เตือนประชาชนให้ระวังการร...

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงข... สคร.12 สงขลา ร่วมรณรงค์วันราชประชาสมาสัย 2568 ภายใต้แนวคิด "วงด่างชา ไม่คัน พากัน มาหาหมอ" — สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) ร่...