นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า แมลงวันทอง หรือ แมลงวันผลไม้ ถือเป็นศัตรูพืชที่สำคัญชนิดหนึ่งในประเทศไทย สามารถเข้าทำลายผลไม้ได้หลายชนิด โดยเฉพาะผลไม้ที่มีเปลือกบาง เช่น ฝรั่ง ชมพู่ มะม่วง พุทรา กระท้อน และยังสามารถอาศัยในพืชอาศัยอื่นอีกกว่า 150 ชนิด เมื่อผลไม้ถูกแมลงวันผลไม้ทำลายจะทำให้คุณภาพลดลง หรือเสียหายจนไม่สามารถรับประทานได้ ทำให้เกษตรกรต้องเพิ่มต้นทุนในการเพาะปลูกเพื่อกำจัดแมลงวันผลไม้ทั้งก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว อีกทั้งการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดปัญหาสารพิษตกค้างในผลผลิตเกินค่ามาตรฐานได้
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้สามารถทำได้อย่างถูกวิธี โดยเมื่อผลผลิตเริ่มติดผล ควรห่อผลด้วยถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษ และเก็บผลไม้ที่หลงเหลือจากการเก็บเกี่ยวหรือเน่าเสียไปทำเป็นปุ๋ยหมัก น้ำหมัก หรือฝังกลบดินที่มีความหนาของหน้าดินอย่างน้อย 50 เซนติเมตร รวมถึงตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง และกำจัดพืชอาศัยเพื่อลดแหล่งหลบซ่อนของแมลงวันผลไม้ด้วย หากเริ่มพบแมลงวันผลไม้ในแปลงปลูกสามารถใช้สารล่อกำจัดแมลงวันผลไม้เพศผู้เพื่อไม่ให้สืบพันธุ์ โดยใช้เมทธิลยูจินอล จำนวน 3 ส่วน ผสมกับสารฆ่าแมลงที่ไม่มีกลิ่นหรือมีกลิ่นน้อยที่สุด เช่น ไดคลอร์วอส ,แลมบ์ดา ไซฮาโลทริน,มาลาไธออน 57% W/V EC ,ไซเพอร์เมทริน 25% W/V EC จำนวน 1 ส่วน หยดลงบนแท่งฝ้ายหรือสำลีในกับดัก ซึ่งสามารถประยุกต์ได้จากขวดน้ำ หรือใช้แผ่นสารล่อซึ่งทำจากวัสดุดูดซับของเหลวได้ดี เช่น แผ่นชานอ้อย หรือกาบมะพร้าว และควรแขวนสารล่อห่างกันทุก 40-50 เมตร ทางด้านทิศตะวันออกของทรงพุ่มในที่ที่มีร่มเงา ระดับสูง 2 เมตรขึ้นไป สำหรับการล่อกำจัดแมลงวันผลไม้ในระยะดึงดูดที่ไม่ไกลนัก สามารถใช้เหยื่อโปรตีนออโตไลเสทหรือไฮโดรไลเสท ซึ่งจะใช้เป็นเหยื่อในกับดัก โดยใช้โปรตีน 1 ส่วน และน้ำ 15 ส่วน ผสมให้เข้ากัน หรือใช้พ่นเป็นเหยื่อพิษตามต้นและใบพืช โดยใช้โปรตีน 4 ส่วน และสารฆ่าแมลง 1 ส่วน ผสมให้เข้ากันแล้วเติมน้ำ 95 ส่วน นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคการทำให้แมลงเป็นหมัน ซึ่งเป็นวิธีการฉายรังสีและนำกลับไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อให้แมลงวันทองที่เป็นหมันทำหน้าที่ควบคุมแมลงชนิดเดียวกันเองในธรรมชาติต่อไป
ทั้งนี้ เกษตรกรควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสวนของตนเอง และรู้จักวงจรชีวิตของแมลงวันผลไม้เพื่อป้องกันกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ ระยะไข่ หนอน ดักแด้ และตัวเต็มวัย โดยระยะไข่ มีรูปร่างยาวรีสีขาว ระยะหนอน มีรูปร่างหัวแหลมท้ายป้าน ไม่มีขา ไม่มีตา ส่วนหัวจะมีตะขอแข็งสีดำใช้สำหรับตะกุยเนื้อผลไม้ให้เละเพื่อกินเป็นอาหาร ทำให้ผลไม้มีตำหนิเน่าเสีย เมื่อหนอนโตเต็มที่จะสามารถดีดตัวได้ไกลประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อหาพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับเข้าดักแด้ในดิน โดยระยะดักแด้จะอยู่ในดินลึกประมาณ 2-5 เซนติเมตร มีรูปร่างกลมรีสีน้ำตาล ไม่เคลื่อนไหว กระทั่งระยะตัวเต็มวัย จะออกหากินในช่วงเช้า ผสมพันธุ์ในช่วงพลบค่ำและวางไข่ช่วงกลางวัน เพศเมียจะหาผลไม้สุกแก่เหมาะสำหรับวางไข่และทำกลิ่นไว้เพื่อป้องกันเพศเมียตัวอื่นมาวางไข่ซ้ำรอยเดิม และหากเกษตรกรต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้าน
กรมส่งเสริมการเกษตร เชิดชูเกียรติบุคคลและหน่วยงานดีเด่น ปี 2566
กรมส่งเสริมการเกษตร เตือนชาวนา ปลูกข้าวระยะนี้ เฝ้าระวัง แมลงดำหนามเข้าทำลายผลผลิต แนะหมั่นสำรวจแปลงนา กำจัดวัชพืชและใช้ปุ๋ยไนโตรเจนตามค่าวิเคราะห์ดิน
กรมส่งเสริมการเกษตร รักษามาตรฐานเป็นเลิศ "คุณธรรมและความโปร่งใส" คว้าคะแนน 91.57 ในปี 2566
กรมส่งเสริมการเกษตร เตือนชาวนา ระวัง "เพลี้ยจักจั่นสีเขียว" ทำลายข้าวระยะแตกกอ
กรมส่งเสริมการเกษตร เตือนผู้ปลูก "พืชตระกูลปาล์ม" เฝ้าระวังด้วงแรดมะพร้าววางไข่ในระยะนี้
กรมส่งเสริมการเกษตร จัดประกวดศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) ดีเด่น ระดับประเทศ ประจำปี 2566
กรมส่งเสริมการเกษตร เตือนผู้ประกอบการระวังเกลือผสม แนะซื้อเกลือจาก 37 แหล่งจำหน่ายที่เชื่อถือได้ ป้องกันผลิตภัณฑ์เสียหาย
กรมส่งเสริมการเกษตร ลั่น "น้ำผึ้งเดือน 5 คนโสดก็ดื่มได้" ชวนซื้อฝากครอบครัวในเทศกาลสงกรานต์ แนะเกษตรกรเลือกเก็บน้ำผึ้งตามคำแนะนำ เพิ่มคุณภาพเพิ่มรายได้