ฟิทช์คงอันดับเครดิตตราสารสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีการค้ำประกันของ Minor International ที่ 'BBB'

28 Apr 2023

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันประเภทกึ่งหนี้กึ่งทุนที่ไม่มีกำหนดอายุ ของ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ที่ 'BBB'

อันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันดังกล่าวสะท้อนถึงการได้รับการค้ำประกันในลักษณะไม่มีเงื่อนไข และไม่สามารถยกเลิกได้จาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL (ซึ่งมีอันดับเครดิตที่ 'BBB' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ผ่านสาขาที่สิงคโปร์และฮ่องกง

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
อันดับเครดิตเท่ากับอันดับเครดิตของผู้ค้ำประกัน - ตราสารดังกล่าวมีอันดับเครดิตเท่ากับอันดับเครดิตสากลของหนี้ที่ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิ (Senior Unsecured Rating) ของผู้ค้ำประกัน คือ BBL เพื่อสะท้อนถึงการได้รับการค้ำประกันในลักษณะไม่มีเงื่อนไข และไม่สามารถยกเลิกได้จาก BBL ผ่านสาขาที่ต่างประเทศ โดยภาระจากการค้ำประกันมีสถานะเท่าเทียมกันกับภาระผูกพันที่ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิของ BBL

วันครบกำหนดไถ่ถอนที่น่าจะเป็น - ฟิทช์มองว่า วันที่ผู้ออกตราสารสามารถเรียกคืนตราสารได้เป็นครั้งแรก (First Call Date) หรือ วันครบกำหนดอายุการค้ำประกัน (First Reset Date) เป็นวันครบกำหนดไถ่ถอนที่น่าจะเป็น (Effective Maturity Date) ของตราสารดังกล่าว การค้ำประกันเต็มจำนวนจะมีผลบังคับจนถึงวันที่มีการจ่ายภาระผูกพันค้างชำระทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตราสารอย่างครบถ้วนถูกต้องเต็มจำนวน หรือจนถึง First Call Date (29 มิถุนายน 2566) สำหรับตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.1 ต่อปี / First Reset Date (19 กรกฎาคม 2569) สำหรับตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.7 ต่อปี แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน โดยที่ผู้ถือตราสารต้องมีการปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนด

ความรับผิดชอบของผู้ค้ำประกัน - ในกรณีที่ MINT ไม่เรียกคืนตราสารในวันที่สามารถเรียกคืนได้ก่อนถึงวัน First Call date สำหรับตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.1 ต่อปี หรือ First Reset Date สำหรับตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.7 ต่อปี (Non-call Event) ผู้ค้ำประกันจำเป็นจะต้องซื้อคืนตราสารดังกล่าวทั้งหมด ในราคาที่ครอบคลุมทั้งเงินต้น, ดอกเบี้ยค้างจ่าย, ดอกเบี้ยตั้งพัก และดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยตั้งพัก ทั้งนี้ นอกเหนือจากการบังคับซื้อคืนในกรณี Non-call Event ดังกล่าว หาก MINT เข้าสู่ภาวะล้มละลาย 30 วันก่อนที่จะถึง First Call Date สำหรับตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.1 ต่อปี หรือ First Reset Date สำหรับตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.7 ต่อปี BBL ก็มีภาระผูกพันที่จะต้องซื้อคืนตราสาร ในราคาที่คำนวณบนหลักการเดียวกันกับที่กล่าวมาข้างต้นเช่นกัน

จำนวนเงินที่ค้ำประกันสูงสุด - จำนวนเงินที่ค้ำประกันทั้งหมดโดย BBL ถูกจำกัดไว้ไม่เกินกว่าร้อยละ 110 ของเงินต้นของตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.1 ต่อปีและร้อยละ 115 ของเงินต้นของตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.7 ต่อปี ซึ่งน่าจะครอบคลุมเงินต้น ดอกเบี้ยค้างจ่าย, ดอกเบี้ยตั้งพัก และดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยตั้งพัก ที่น่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดของตราสารในช่วงเวลาที่มีการค้างชำระ

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
อันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันดังกล่าวสะท้อนถึงการได้รับการค้ำประกันในลักษณะไม่มีเงื่อนไข และไม่สามารถยกเลิกได้จาก BBL

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตสากลของหนี้ที่ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิของ BBL จะส่งผลเช่นเดียวกับอันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันของ MINT เนื่องจากเป็นตราสารที่ถูกค้ำประกันเต็มจำนวนโดย BBL

สำหรับ BBL ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศในอนาคตที่ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 ดังนี้

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และ อันดับเครดิตภายในประเทศ
การปรับลดอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินพร้อมกันจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิถูกปรับลดอันดับเช่นกัน อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารอาจได้รับการปรับลดอันดับหากฟิทช์มองว่าโครงสร้างเครดิตของธนาคารปรับตัวอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศไทย

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารอาจถูกปรับลดลงเป็น 'bbb-' หากธนาคารมีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอลงมากกว่าที่ฟิทช์คาด ซึ่งอาจสะท้อนได้โดยการปรับลดคะแนนของปัจจัยต่างๆ ที่ใช้พิจารณาอันดับเครดิต กรณีดังกล่าวอาจเกิดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าผลการดาเนินงานจะปรับตัวแย่ลงและทบทวนประวัติในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร โดยแรงกดดันดังกล่าวอาจบ่งชี้ได้จากการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่สูงกว่า 6% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง (ไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 3.9%) ประกอบกับธนาคารมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ด้อยลง เช่น มีอัตราส่วนเงินกองทุน CET 1 ที่ต่ากว่า 13 % และมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ต่ำกว่า 120% และไม่สามารถรักษาระดับอัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับสูงกว่า 1.5% ได้

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลอาจถูกปรับลดอันดับหากฟิทช์เชื่อว่าความสามารถที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารนั้นลดลง เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยถูกปรับลดอันดับ นอกจากนี้การปรับลดอันดับเครดิตยังอาจเกิดขึ้นได้หากฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ BBL ลดลง เช่น จากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของระดับความสำคัญของธนาคารที่มีต่อระบบ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยที่โอกาสที่ BBL จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลจะปรับตัวลดลงในระยะปานกลาง

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลหรืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการปรับเพิ่มอันดับ ทั้งนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของ BBL ได้รวมการพิจารณาถึงโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วย

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BBL อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น 'bbb+' หากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของธนาคารปรับตัวดีขึ้นอย่างยั่งยืน ในขณะที่โครงสร้างธุรกิจสามารถสนับสนุนให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่าอุตสาหกรรมได้อย่างสม่ำเสมอโดยที่ไม่ได้ยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะต้องได้รับแรงหนุนจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากและจะเห็นได้จากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวสูงกว่า 2.5% (ไตรมาส 1 ปี 2565: 1.3%) และมีค่าเฉลี่ยของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม 4 ปีย้อนหลังที่ระดับต่ำกว่า 3% โดยที่ยังคงความสามารถในการรองรับความเสี่ยง เช่น การมีอัตราส่วนเงินกองทุน CET 1 ที่สูงกว่า 16% อย่างไรก็ตามโอกาสการปรับเพิ่มอันดับในระยะอันใกล้นี้ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยได้รับการปรับเพิ่ม ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่ารัฐบาลมีความสามารถเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบการเงินในประเทศรวมถึง BBL อย่างไรก็ตามการพิจารณาอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลต้องคำนึงถึงการที่โอกาสในการให้การสนับสนุนธนาคารว่าจะยังคงอยู่ในระดับเดิม

ข้อมูลบริษัท
MINT เป็นผู้ดำเนินธุรกิจพักผ่อนและสันทนาการรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในทวีปเอเชียแปซิฟิค MINT เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท NH Hotel Group S.A. หรือ NHH (อันดับเครดิต B, แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) โดยถือหุ้นร้อยละ 94 หลังจากที่เข้าซื้อกิจการในปี 2561 MINT เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ NHH เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาดริด ในประเทศสเปน

อันดับเครดิตที่เกี่ยวโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของตราสารสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีการค้ำประกันของ MINT เกี่ยวโยงกับอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL จะส่งผลโดยตรงต่ออันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันฯ ของ MINT นอกจากนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองของฟิทช์ต่อสัญญาค้ำประกันอาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันฯ ของ MINT ได้