สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้การสนับสนุนทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ได้ร่วมกันคิดค้นนำเปลือกเมล็ดถั่วเขียวซึ่งเป็นวัตถุดิบเหลือทิ้งจากการเกษตร มาสร้างมูลค่าด้วยการนำมาสกัดสาร Vitexin และ Iso-vitexin ซึ่งเป็นสารชีวภาพที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ป้องกันไวรัส และลดความดันโลหิตสูง โดยผ่านกระบวนการสกัดและทำให้บริสุทธิ์ เพื่อนำไปใช้งานด้านเภสัชภัณฑ์ นอกจากนี้ Vitexin และ Iso-vitexin เป็นสารประกอบโพลีฟีนอลยังสามารถนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และเครื่องสำอางชะลอวัย โดยจะมีการขยายผลต่อยอดโครงการวิจัยนี้ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดต้นทุนหรือราคาของ Vitexin และ Iso-vitexin และการนำผลิตภัณฑ์ทั้งในรูปแบบของสารสกัดหยาบและสารบริสุทธิ์ไปผสมกับองค์ประกอบอื่น ๆเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานต่อไป
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมนวัตกรรมงานวิจัย และสิ่งประดิษฐ์คิดค้นต่าง ๆ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะที่ได้รับความสนใจทุกวันนี้คือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ ซึ่งโครงการวิจัยสกัดสารชีวภาพ Vitexin และ Iso-vitexin จากเปลือกเมล็ดถั่วเขียว จากทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นับว่าเป็นนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าวัตถุเหลือใช้จากการเกษตร มาใช้ประโยชน์ในวงการอาหารและยา รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ
ศาสตราจารย์ ดร.อรรถศักดิ์ จารีย์ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า โครงการวิจัยนี้ได้ร่วมกับ ดร.พฤกษ์ ตั้งพร้อมพันธ์ อาจารย์คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีเป้าหมายของการทำวิจัยแบ่งเป็น 3 ส่วน ในส่วนแรกเป็นการกระตุ้นให้เห็นถึงศักยภาพการเพิ่มคุณค่าให้กับเปลือกเมล็ดถั่วเขียว โดยใช้กระบวนการสกัดและทำให้บริสุทธิ์ ทำให้ได้เป็นผลิตภัณฑ์ 2 รูปแบบ ได้แก่ สารสกัดหยาบ และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีความบริสุทธิ์สูง ส่วนที่สองเป็นการนำผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 รูปแบบ ไปต่อยอดให้เป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น อาหารเสริม ยา ส่วนที่สามคือการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับยารักษาโรคด้วยการลดต้นทุนของการผลิต ทำให้หน่วยงานที่พัฒนายารักษาโรคสามารถเข้าถึงสารออกฤทธิ์ในรูปสารบริสุทธิ์ได้ง่ายขึ้น จึงมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการพัฒนาตัวยาใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาผู้ป่วยได้ในอนาคต
สำหรับกระบวนการในการสกัดสาร Vitexin และ Iso-vitexin จากเปลือกเมล็ดถั่วเขียวสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การแช่ในตัวทำละลาย การใช้สภาวะเหนือวิกฤตร่วมกับตัวทำละลาย การใช้ระบบการไหลแบบสวนทาง สารละลายที่ได้เมื่อนำมาแยกเอาตัวทำละลายออกจะได้ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า "สารสกัดหยาบ" อย่างไรก็ตามในสารสกัดหยาบมีสารอยู่ด้วยกันหลายชนิด นอกจากนี้ปริมาณสารออกฤทธิ์ที่สำคัญอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลผลิตของพืชได้ การนำสารสกัดหยาบมาผลิตเป็นสารเป้าหมายที่มีความบริสุทธิ์สูงเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าของสารดังกล่าว งานวิจัยนี้ใช้วิธีการทางโครมาโทกราฟีเพื่อแยกสาร Vitexin และ Iso-vitexin ออกจากกันและออกจากสารอื่น ๆ ที่อยู่ในสารสกัดหยาบ
ศาสตราจารย์ ดร.อรรถศักดิ์ กล่าวว่า ความสำเร็จจากการสกัดสาร Vitexin และ Iso-vitexin ที่มีความบริสุทธิ์สูง (มากกว่า 98%) มีราคาขาย 60 เหรียญสหรัฐต่อ 20 มิลลิกรัม และ 50 เหรียญสหรัฐต่อ 20 มิลลิกรัม ดังนั้นจึงเป็นการเพิ่มมูลค่าจากเปลือกเมล็ดถั่วเขียวได้เป็นอย่างมาก นอกเหนือจากมูลค่าที่เป็นตัวเงินแล้ว การพัฒนากระบวนการสกัดและทำบริสุทธิ์จะช่วยลดต้นทุน (ราคา) ของสารดังกล่าวได้ เป็นการช่วยให้หลายหน่วยงานหรือนักวิจัยสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ของ Vitexin และ iso-vitexin ในการวิจัยและการพัฒนาเป็นยารักษาโรค สำหรับการขยายผลต่อยอดโครงการวิจัยนี้จะดำเนินการต่อใน 2 รูปแบบ คือ การเพิ่มกำลังการผลิต vitexin และ Iso-vitexin เพื่อช่วยลดต้นทุนและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการนำผลิตภัณฑ์ทั้งในรูปแบบของสารสกัดหยาบและสารบริสุทธิ์ไปผสมกับองค์ประกอบอื่น ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น การผสมกับสารสกัดจากพืชชนิดอื่น และการผลิตเป็นอนุภาคห่อหุ้ม เป็นต้น
โชว์ศักยภาพ ด้านนวัตกรรม ศิลปวัฒนธรรม ความยั่งยืน พร้อมเวทีเสวนา Soft Power ขับเคลื่อนอนาคตไทย เครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปิดตัวนิทรรศการแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้หัวข้อ "เศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่ออนาคตประเทศไทย" (Creative Economy for Thailand Tomorrow) ในงาน "มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568" ณ
เมกาบางนา ส่งต่อวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 2,000 โดส ตอกย้ำการเป็น PET COMMUNITY
—
ศูนย์การค้าเมกาบางนา แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดแห่งกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันอ...
"เวทีแห่งรสชาติ สไตล์ และกลิ่นหอม"
—
การประกวด 2025 HANSIK CONTEST IN THAILAND ซึ่งเป็นการผสมผสานอาหารเกาหลีและอาหารไทยอย่างสร้างสรรค์ ได้รับความสน...
เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 ร่วมกับ ม.เกษตรชวนน้องๆ มาผจญภัยบุกอาณาจักร โลกของแมลง By Kaset Fun Fair
—
เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี...
อ.อ.ป. ร่วมประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 20 (UNFF20)
—
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นำโดย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยาก...
เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ ชวนช้อปสินค้าเกษตรแปรรูปคุณภาพดี งาน ""ยกไร่สุวรรณ" มาไว้ที่เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ ตั้งแต่ 8-13 พฤษภาคมนี้
—
เดอะไนน์ เซ็...
สุดยอดศึกหุ่นยนต์อัจฉริยะ Thailand Open ROS and Smart Robot Competition 2025 ปิดฉากสุดมันส์ เยาวชนไทยโชว์ศักยภาพก้าวสู่เวทีโลก
—
การแข่งขัน Thailand Open ...
ราชภัฏรำไพฯ จับมือ ม.เกษตรฯ ยกระดับศักยภาพรอบด้าน สู่ความเป็นเลิศทางวิชาการและพัฒนาท้องถิ่น
—
มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ผนึกกำลังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส...