แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE Corporation) (0763.HK/000063.SZ) ผู้ให้บริการด้านโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก ได้เปิดตัวรายงานความยั่งยืนประจำปี 2565 (2022 Annual Sustainability Report) ในวันนี้ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมผลงานที่โดดเด่นของแซดทีอี และแผนการในอนาคตเพื่อตอบรับกลยุทธ์ "ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล" (Driver of Digital Economy) เพื่อเติมเต็มความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของสังคม สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างการมีส่วนร่วมในชุมชนระดับโลก และยกระดับธรรมาภิบาลขององค์กร แซดทีอีแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในด้านความโปร่งใสและความรับผิดชอบผ่านการเผยแพร่รายงานฉบับนี้ต่อสาธารณชนโดยสมัครใจทุกปีนับตั้งแต่ปี 2552 โดยปฏิบัติอย่างต่อเนื่องมาแล้วกว่า 15 ปี
เสริมสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกอย่างมีคุณภาพ
ในปี 2565 ภูมิทัศน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจโลกยังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อน ประกอบด้วยแรงกดดัน ความท้าทาย และความไม่แน่นอนต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์เหล่านี้ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้กลายเป็นสิ่งสำคัญ และการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของยุคดิจิทัลนี้จึงทำให้แซดทีอียังคงมุ่งเน้นที่การเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องโดยอาศัยประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของบริษัท แซดทีอีมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลทั่วโลกผ่านการพัฒนาและการส่งมอบผลิตภัณฑ์และโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารใหม่ ๆ
คุณซู จือหยาง (Xu Ziyang) กรรมการบริหารและซีอีโอของแซดทีอี ได้กล่าวเน้นย้ำในรายงานว่า "แซดทีอีจะยึดมั่นในบทบาทของตนในฐานะผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและมุ่งสู่ความเป็นเลิศใน พร้อมกับจัดการกับความท้าทายที่ยากที่สุด เราจะร่วมมือกับพันธมิตรทั่วอุตสาหกรรมด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้นเพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ และเป็นส่วนสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจคุณภาพสูงเพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้นกว่าเดิมสำหรับทุกคน"
รายงานฉบับนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของแซดทีอีด้านนวัตกรรมอิสระและการมุ่งเน้นด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดย ณ สิ้นปี 2565 แซดทีอีได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรทั่วโลกกว่า 85,000 รายการ โดยมีสิทธิบัตรประมาณ 43,000 รายการที่ได้รับการรับรองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เจแอลแอล (JLL) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการการลงทุนระดับโลก ได้ยกย่องให้แซดทีอีเป็นผู้เล่นชั้นนำในการปรับใช้สิทธิบัตรทั่วโลก และเป็นบริษัทที่มีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการวิจัยและการสร้างมาตรฐานสำหรับเทคโนโลยี 5G ในระดับโลก
ในฐานะผู้นำในการปฏิวัติด้านดิจิทัล แซดทีอียังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนความก้าวหน้าและเสริมศักยภาพให้แก่อุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลใหม่ ในปี 2565 แซดทีอีได้จับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับบริษัทมากกว่า 500 แห่งใน 15 อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต โลหะและเหล็กกล้า เหมืองแร่ พลังงาน การขนส่ง และองค์กรขนาดใหญ่ แซดทีอีใช้โซลูชันที่ทันสมัยในการอำนวยความสะดวกโครงการดิจิทัลหลายร้อยแห่ง นำไปสู่การพัฒนาโครงการเรือธงจนประสบความสำเร็จจำนวนมาก ความพยายามเหล่านี้ช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลโดยรวมและความก้าวหน้าของสังคมอย่างมีนัยสำคัญ
เร่งกลยุทธ์คาร์บอนต่ำอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
แซดทีอีมีความมุ่งมั่นในแนวคิดการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจทั่วโลกสู่ยุคคาร์บอนต่ำอย่างจริงจัง บริษัทมุ่งมั่นในการส่งเสริมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยมาตรการประหยัดพลังงานและการลดการปล่อยมลพิษ เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเหล่านั้นสามารถเติบโตตามแนวทางการพัฒนาสีเขียวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีเป้าหมายที่จะก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนด้วยแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคาร์บอนต่ำ
คุณเซี่ย จวิ้นซือ (Xie Junshi) รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของแซดทีอี กล่าวในรายงานว่า "แซดทีอียึดมั่นในกลยุทธ์คาร์บอนต่ำ และก้าวไปข้างหน้าบนเส้นทางสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราได้แต่งตั้งทีมงานระดับองค์กรและริเริ่มโครงการลดคาร์บอนหลักจำนวน 10 โครงการอย่างเป็นระบบตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนที่เราตั้งไว้"
แซดทีอีดำเนินตามกลยุทธ์เศรษฐกิจดิจิทัลในสี่มิติหลัก ได้แก่ การดำเนินงานระดับองค์กรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทได้เพิ่มความพยายามในการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษตลอดการผลิตและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถสร้างเครือข่ายคาร์บอนต่ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างครอบคลุม
ในปี 2565 ในขณะที่บริษัทยังคงมีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง แซดทีอีประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 7.48% เมื่อเทียบรายปี (สโคป 1, 2 และ 3) นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จในการลดการใช้พลังงานต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ที่ถูกขายได้มากกว่า 14% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ที่ถูกขายและถูกใช้ลง 4.9% นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น "5G-to-Manufacture 5G" และโรงงานมืดสำหรับขั้นตอนการผลิต ส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยลงถึง 9.3% ในกระบวนการผลิตสินค้า 5G และลดการใช้ไฟฟ้าลงกว่า 7.13% เมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้ แซดทีอียังพัฒนาโซลูชันด้านพลังงานดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เช่น คลาวด์พลังงาน AI การผลิตพลังงานสีเขียว และการจัดเก็บพลังงานอัจฉริยะ เพื่อเร่งการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน บริษัทร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมมากกว่า 500 รายเพื่อสำรวจการเพิ่มขีดความสามารถทางเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน การลดการปล่อยมลพิษ และการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลในภาคส่วนต่าง ๆ
ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน แซดทีอีมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการปรับปรุงด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ในปี 2565 แซดทีอีได้รับคะแนนระดับ "A-" จากองค์กรวิจัยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก (Carbon Disclosure Project หรือ CDP) สำหรับผลงานที่โดดเด่นในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับรางวัลผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมจากเวทีซีดีพี ไชน่า 2565 (CDP China 2022) และได้รับการรับรองมาตรฐานการตรวจสอบก๊าซเรือนกระจก ISO 14604-1:2018 จากเอสจีเอส (SGS) โดยเป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจีนที่ได้รับการยอมรับนี้
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 แซดทีอีได้จัดพิธีลงนามข้อตกลงเข้าร่วมในโครงการกำหนดเป้าหมายโดยอิงหลักทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative หรือ SBTi) โดยบริษัทจะกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษตามหลักวิทยาศาสตร์ในระยะเวลาอันใกล้เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของโครงการ และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระยะยาว ทั้งนี้ ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า แซดทีอีตั้งเป้าที่จะบรรลุการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญตามแนวทางการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์อย่างช้าที่สุดภายในปี 2593
ในฐานะผู้สนับสนุนการพัฒนาสีเขียว แซดทีอีส่งเสริมการประหยัดพลังงานและการลดการปล่อยมลพิษอย่างจริงจัง รวมถึงใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขั้นสูงในการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกันในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคาร์บอนต่ำ บริษัทมีเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งหมดให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ยั่งยืน
อ้าแขนรับความเปิดกว้างและความโปร่งใส เพิ่มศักยภาพการเติบโตของพันธมิตรระบบนิเวศร่วมกัน
แซดทีอีมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ปลอดภัยเชื่อถือได้แก่อุตสาหกรรมและลูกค้า บริษัทมีการเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องและแสวงหาการรับรองและความไว้วางใจจากภายนอกผ่านวิธีการที่เปิดกว้างและโปร่งใส แซดทีอีเป็นบริษัทแรกของโลกที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย NESAS CCS-GI จากสำนักงานความปลอดภัยข้อมูลแห่งเยอรมนี (BSI) นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการรับรองและการตรวจสอบระบบการจัดการต่าง ๆ ประกอบด้วยมาตรฐาน ISO 9001, TL 9000, QC 080000, ESD, ISO 45001, ISO 14001 และ ISO 22301 มาตรฐานเหล่านี้ครอบคลุมศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงฐานการผลิตที่สำคัญหลายแห่งสำหรับหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท
นอกจากนี้ แซดทีอียังอุทิศตนเพื่อยกระดับการจัดการความรับผิดชอบของซัพพลายเออร์และนำแนวทางปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีความรับผิดชอบมาใช้ บริษัทสนับสนุนให้ซัพพลายเออร์สร้างและใช้งานระบบการจัดการ CSR อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการรับรอง CSR ของซัพพลายเออร์ การประเมินความเสี่ยง การตรวจสอบสถานที่ และการฝึกอบรมเสริมสร้างศักยภาพ ในปี 2565 แซดทีอีได้ริเริ่มการตรวจสอบซัพพลายเออร์แบบคาร์บอนคู่เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ความเป็นกลางทางคาร์บอนโดยรวมของบริษัท โดยมีการดำเนินการตรวจสอบซัพพลายเออร์จำนวน 109 ราย และร่วมมือกับพันธมิตรซัพพลายเออร์เพื่อส่งเสริมการเติบโตและการพัฒนาร่วมกัน
บุกเบิกเทคโนโลยีเพื่อสังคมที่ดีกว่าเดิม เติมเต็มความรับผิดชอบขององค์กรที่มีต่อสังคม
ในฐานะองค์กรระดับโลก แซดทีอีได้ยึดถือหลักการพัฒนาแบบยั่งยืนมาอย่างยาวนาน มีความจริงจังด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและส่งต่อความห่วงใยไปยังผู้คนในหลายประเทศทั่วโลก บริษัทได้ช่วยให้ผู้คนทั่วโลกบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทในฐานะบรรษัทข้ามชาติที่ดี
มูลนิธิแซดทีอี (ZTE Foundation) ยังดำเนินโครงการการกุศลกว่า 157 โครงการในด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ การบรรเทาความยากจน และอื่น ๆ อีกมากมายนับตั้งแต่มีการก่อตั้งมูลนิธิขึ้น มอบความช่วยเหลือแก่ผู้คนกว่า 100,000 คน โดย ณ สิ้นสุดปี 2565 มูลนิธิมีจำนวนสมาชิกอาสาที่ลงทะเบียนไว้จำนวนทั้งสิ้น 8,063 คน และมีจำนวนชั่วโมงจิตอาสารวมกว่า 19,746.5 ชั่วโมง นับเป็นเวลาหกปีติดต่อกันที่มูลนิธิแซดทีอีได้รับคะแนนเต็มในดัชนีความโปร่งใสมูลนิธิจีน (China Foundation Transparency Index หรือ FTI) นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลอื่น ๆ เช่น "องค์กรเพื่อการกุศล 10 อันดับแรก" และ "โครงการล้ำสมัย 10 อันดับแรก" จากโครงการทัชชิง เซินเจิ้น แคร์ แอกชัน (Touching Shenzhen Care Action) ที่ยกย่องการมีส่วนร่วมอันโดดเด่นของบริษัทต่อชุมชน
ในอนาคต แซดทีอีจะยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก และสร้างการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุขของสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แซดทีอีพร้อมส่งเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อสำรวจโอกาสใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องและปูทางไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงตั้งเป้าขับเคลื่อนการเติบโตแบบยกระดับอย่างครอบคลุม เพื่อสร้างโลกที่สดใสและยั่งยืนกว่าเดิม
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายงานความยั่งยืน 2565 ฉบับเต็มได้ที่นี่
สำหรับไฮไลท์เพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานความยั่งยืน 2565 โปรดคลิกที่นี่
เกี่ยวกับแซดทีอี
แซดทีอี (ZTE) ช่วยเชื่อมโยงโลกด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตที่ดีกว่า บริษัทฯ ให้บริการเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่และโซลูชันแบบครบวงจร ครอบคลุมอุปกรณ์ไร้สาย แบบมีสาย อุปกรณ์ และบริการโทรคมนาคมระดับมืออาชีพทั้งหมด แซดทีอีให้บริการแก่ประชากรมากกว่าหนึ่งในสี่ของโลก โดยทุ่มเทให้กับการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลอัจฉริยะ และสร้างการเชื่อมต่อและความไว้วางใจให้เกิดขึ้นได้ทุกที่ แซดทีอีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.zte.com.cn/global
ติดตามเรา
เฟซบุ๊ก www.facebook.com/ZTECorp
ทวิตเตอร์ www.twitter.com/ZTEPress
ลิงด์อิน www.linkedin.com/company/zte
ยูทูบ https://www.youtube.com/@ZTECorporation
สื่อมวลชน กรุณาติดต่อ
แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น
ฝ่ายการสื่อสาร
อีเมล: [email protected]
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2085652/ZTE_2022_Sustainability_Report.jpg
คำบรรยายภาพ - "แซดทีอี" เปิดเผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2565
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีก "แม็คโคร-โลตัส" เดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เปิดตัวแม็คโคร สาขาพังงา (ตะกั่วป่า) ด้วยพื้นที่จำหน่ายอาหารสดที่กว้างขวาง สะดวกสบาย ครบครันด้วยสินค้าคุณภาพและบริการที่หลากหลาย แบบครบ คุ้มเต็มแม็ค ตอบโจทย์ผู้ประกอบการและผู้บริโภคทั่วไป ให้เข้าถึงแหล่งวัตถุดิบคุณภาพในราคาคุ้มค่า พร้อมสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นและ SMEs ผ่านทุกช่องทางการจำหน่าย ซีพี แอ็กซ์ตร้า เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดพังงา ซึ่ง
บลจ.ไทยพาณิชย์ ขานรับภาครัฐ จัดเต็มเปิด 4 กองทุนใหม่ Thai ESGX เปิดทางเลือกลงทุนแบบ Extra
—
บลจ.ไทยพาณิชย์ ขานรับภาครัฐ จัดเต็มเปิด 4 กองทุนใหม่ Thai ESGX...
Phayao Fish Frog Festival 2025 หนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น ปลุกคลัสเตอร์ปลานิลพะเยา
—
งาน Phayao Fish Frog Festival 2025 ภายใต้แนวคิด "From Farm to Table" ซึ่งจั...
DIPROM ปลุกพลัง Soft Power ปั้นแบรนด์ไทย "Born to Brand" สู่ Hero Brand ระดับโลก
—
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) ขอเชิญผู้ประกอบการแฟชั่น สาขาหัตถอุตสาหก...
TNN ช่อง 16 รวมพลกูรูระดับประเทศ เปิดมุมมอง "ภารกิจพลิกฟื้นเศรษฐกิจ : Mission Thailand" 30 เมษายนนี้
—
บริษัท ไทย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (ทีเอ็นเอ็น) จำกัด หรือ...
กรมทรัพย์สินทางปัญญาลงพื้นที่แหล่งผลิต "ลิ้นจี่นครพนม" ผลไม้ GI สินค้าดีเมืองพระธาตุพนม จับมือกลุ่มพันธมิตร Tops Market ขยายช่องทางการตลาด
—
กรมทรัพย์สินท...
สยามพารากอน จัดเทศกาลผลไม้แห่งปี "SIAM PARAGON TROPICAL FRUIT PARADE 2025" 25 เม.ย.-5 พ.ค. 68
—
สยามพารากอน จัดเทศกาลผลไม้แห่งปี เสิร์ฟทุเรียนหายากและผลไม...
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ชูกลยุทธ์ "ตั้งรับ-รุกกลับ-ปรับตัว" ชงรัฐคุมเข้มสินค้าไร้มาตรฐาน-ดันไทยสู่ฮับช้อปปิ้งอาเซียน
—
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เผยแนวโน้มค้าปลีกครึ่...
OR จับมือภาครัฐและผู้ประกอบการชุมชน เพิ่มประสิทธิภาพการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP ผ่านโครงการ 'ไทยเด็ด' มุ่งเสริมแกร่งเศรษฐกิจชุมชนไทยอย่างยั่งยืน
—
OR ผนึกกำลังก...
เศรษฐา-ร่วมเจรจาบริษัทชั้นนำฝรั่งเศส ดึงโอกาสลงทุน-ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
—
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะที่ปรึกษาด้านการค้าต่างประเทศของฝรั่งเศสในประเทศไทย (French F...