โบรกฯ แนะซื้อ MASTER รับคาดการณ์กำไรทำนิวไฮต่อเนื่องทุกไตรมาส

ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์แนะนำซื้อหุ้น บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงามภายใต้ชื่อ "โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช : Masterpiece Hospital" โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 92.50 บาท โดยคาดการณ์แนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/2566 เบื้องต้น 80 ล้านบาทขึ้นไป และมีโอกาสทำ New High เนื่องจากรายได้ในช่วง 2 เดือนแรกในไตรมาสนี้ค่อนข้างดี เหลือเพียงเดือนมิถุนายน 2566 ซึ่งมีการเพิ่มห้อง OR อีก 10 ห้อง และลูกค้าต่างชาติเติบโตสูง

พร้อมกันนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 - 4/2566 มีโอกาสสูงที่จะทำระดับสูงสุดใหม่ได้ทุกไตรมาสจาก OR ใหม่สร้างรายได้เต็มไตรมาส และธุรกิจ Skin Care และ Hair รับลูกค้าได้มากขึ้น 30% และค่าใช้จ่ายทางการตลาดต่อรายได้มีสัดส่วนลดลงต่อเนื่อง รวมถึงการ M&A ที่จะสำเร็จในปีนี้ไม่น้อยกว่า 2 ดีล

โดย บล.หยวนต้า ยังคงมีมุมมองบวก แม้ว่าราคาหุ้นจะซื้อขายด้วย PER66 ราว 43 เท่า แต่มีอีกหลายปัจจัยที่ยังไม่รวมในประมาณการเช่นกัน และราคาหุ้นปรับลดลงแล้ว 13% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มี Upside gain จากราคาเป้าหมายมากขึ้น จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ

ด้านฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์แนะนำ ซื้อเก็งกำไร MASTER ที่ราคาเป้าหมาย 90 บาท จากการอิงผลประกอบการ 2566F และเทียบเป็น P/E ที่ระดับ 4X เทียบเป็น PEG ที่ 0.95X โดยคาดการณ์ของ บล.ทรีนีตี้ มี Upside จากการเริ่มให้บริการห้องผ่าตัดที่เร็วกว่ากำหนด ส่งผลให้สามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้น และสัดส่วนลูกค้าต่างชาติที่มีสัดส่วนสูงขึ้น

ทั้งนี้ การเพิ่ม OR 10 ห้อง ของ MASTER หนุนกำไรก้าวกระโดดในไตรมาส 2/2566 ขณะที่การลงทุนใน Wind Clinic คาดว่าจะเริ่มรับรู้กำไรในไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป และจะเห็นผลกำไรเพิ่มขึ้นจาก Synergy ร่วมกันในอนาคต บวกกับสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 20% ของรายได้ และกลุ่มลูกค้าต่างชาติคาดว่ายังสามารถเติบโตได้จากตลาดใหม่ เช่น อินโดนีเซีย

ประเด็นสำคัญ คือ บล.ทรีนีตี้ คาดว่าไตรมาส 2/2566 ผลการดำเนินงานของ MASTER จะเติบโตโดดเด่นทั้งไตรมาสก่อนหน้า และไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากการเริ่มให้บริการ Operation Room ใหม่กว่าเท่าตัว และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2566 - 2567 สามารถทำระดับ New High ต่อเนื่องที่ 450 ล้านบาท และ 590 ล้านบาทตามลำดับ

• ข่าวโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงาม
• ข่าวมาสเตอร์ สไตล์
• ข่าวหลักทรัพย์
• ข่าวโรงพยาบาล
• ข่าวประเทศไทย