5 วิธีถนอมสายตา สู้แสงสีฟ้า เบลนด์วิถีชีวิตให้เข้ากับยุค Work from Everywhere

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

โลกเปลี่ยน เราจึงต้องเปลี่ยนตัวเองให้ทันตามโลก สู่ยุควิถีชีวิตใหม่ที่ต้อง Work from Everywhere ติดต่อผ่านทางออนไลน์เป็นหลัก ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานขึ้น ทั้งมือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และแก็ตเจ็ตต่างๆ

5 วิธีถนอมสายตา สู้แสงสีฟ้า เบลนด์วิถีชีวิตให้เข้ากับยุค Work from Everywhere

จากข้อมูลผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยปี 2565 โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สพธอ. เผยว่า คนไทยใช้เวลาในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 4 นาทีต่อวัน โดยกิจกรรมออนไลน์ยอดฮิตของคนไทย ได้แก่ การขอรับคำปรึกษาและรับบริการทางการแพทย์ทางออนไลน์ (86.16%) การติดต่อสื่อสาร (65.70%) ดูรายการโทรทัศน์/ดูหนัง/ดูคลิป/ฟังเพลง (41.51%) ดูถ่ายทอดสดเพื่อซื้อสินค้าและบริการ (34.10%) ทำธุรกรรมทางการเงิน (31.29%) อ่านโพสต์/ข่าว/บทความ/หนังสือออนไลน์ (29.51%) รับ-ส่งอีเมล (26.62%) ชอปปิงออนไลน์ (24.55%) ทำงาน/ประชุมออนไลน์ (20.67%) และเล่นเกมออนไลน์ (18.75%) 5 วิธีถนอมสายตา สู้แสงสีฟ้า เบลนด์วิถีชีวิตให้เข้ากับยุค Work from Everywhere

การดูแลสุขภาพตาจึงเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่อย่างเราต้องเข้าใจและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะการพักผ่อนและถนอมสายตาไปพร้อมๆ กัน เพื่อเลี่ยงแสงสีฟ้า (Blue Light) ที่มาจากหน้าจอต่างๆ และรังสียูวีจากแสงแดด ที่ก่อให้เกิดอันตรายและความเสียหายต่อดวงตา อาจนำไปสู่สารพัดโรคทางตาได้ เช่น โรควุ้นในตาเสื่อม โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก โรคต้อหิน เป็นต้น หรืออาจทำให้เกิดอาการตาสู้แสงได้ไม่ดี มองเห็นไม่ชัด เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของแสงอย่างรวดเร็ว เกิดอาการตาพร่ามัว ตาเบลอ มองเห็นภาพไม่คมชัดหรือโฟกัสภาพไม่ดี เมื่อมีการมองวัตถุระยะใกล้สลับไกล รวมถึงตาแห้ง ระคายเคืองตา แสบตา เป็นต้น

สถาบันสุขภาพนิวทริไลท์จากแอมเวย์ แนะนำ 5 วิธีถนอมสายตาเพื่อให้ดวงตาของเราแข็งแรง ปลอดภัย ห่างไกลจากอาการเมื่อยล้าและพร้อมสร้าง Productivity ให้ชีวิตเราสดใสกว่าที่เคย

  1. หมั่นพักสายตาเป็นระยะๆ

หากเรามีอาการตาเมื่อยล้า ตามัว หรือตาแห้ง จากการจ้องหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เราควรหมั่นกะพริบตาหรือพักสายตาทุกๆ 20 นาที เป็นเวลา 20 วินาที โดยให้มองออกไปไกลประมาณ 20 ฟุต หลีกเลี่ยงการใช้สายตาติดต่อกันเกิน 1 ชั่วโมงหรือนั่งแช่หน้าจอตลอดทั้งวัน รวมไปถึงควรปรับหน้าจอให้อยู่ในระดับสายตาและมีระยะห่างที่พอดี

  1. ปกป้องดวงตาด้วยการสวมแว่นกันแดด

รังสียูวีจากแสงแดดสามารถทำร้ายดวงตาและเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคทางดวงตาได้ เราควรสวมแว่นตากันแดดที่มีเลนส์กรองแสงยูวีเอ (UV-A) และยูวีบี (UV-B) ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 99-100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อป้องกันการเผชิญแสงแดดโดยตรง อีกทั้งยังช่วยป้องกันลมที่พัดเอาสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองเข้ามาทำร้ายหรือสร้างการระคายเคืองแก่ดวงตาของเรา

  1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และอุดมด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา

การเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าและมีประโยชน์เป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะสารอาหารที่ช่วยสร้างการมองเห็นที่ชัดเจนสดใสอีกทั้ง ช่วยชะลอหรือลดการเกิดโรคทางสายตา เช่น

ลูทีนและซีแซนทีน จากงานวิจัยพบว่า การรับประทานลูทีนและซีแซนทีนในอัตราส่วน 5:1 สามารถเพิ่มความหนาแน่นของสารสี (Pigment) บริเวณจุดภาพชัด (Macula) ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นและช่วยปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า ทำให้สบายตาเวลาที่จ้องหน้าจอนานมากเกินไป
ไลโคปีน จะสะสมอยู่ที่ด้านหน้าของดวงตาในซิลิอารีบอดี้ (Ciliary Body) ซึ่งมีหน้าที่ปรับความโค้งของเลนส์และสร้างสารน้ำตาในลูกตา ช่วยลดอาการตาล้าจากการใช้หน้าจอเป็นเวลานาน และช่วยให้ตาสามารถปรับโฟกัสภาพในระยะต่างๆ ได้ดีขึ้น
เบต้าแคโรทีน สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นวิตามินเอในร่างกายได้ ซึ่งวิตามินเอจะเข้าไปช่วยบำรุงจอประสาทตา เพิ่มการมองเห็นในที่ที่มีแสงสว่างน้อยและช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของแสงอย่างกะทันหันได้ดี
สังกะสี เป็นแร่ธาตุสำคัญที่สนับสนุนการทำงานของตัวรับแสงที่อยู่ในจอประสาทตา ทำให้สามารถมองเห็นภาพ
ได้คมชัด

  1. เลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มสุราหรือของมึนเมา

หลีกเลี่ยงการสูบบุรี่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพโดยรวมและดวงตา อาทิ โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก อาจทำลายเส้นประสาทตาจนทำให้ตาบอดได้ในอนาคต รวมถึงควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ให้อยู่ในระดับที่พอดีในแต่ละวัน จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางตาและปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ซึ่งแนะนำให้งดในบางวันหรือลดการสูบบุหรี่และดื่มสุราเพื่อสุขภาพที่ดีของเรา

  1. ออกกำลังกายและตรวจเช็คสุขภาพอย่างเป็นประจำ

ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะบางโรคอาจมีผลต่อระบบการมองเห็นหรือปัญหาสายตาในอนาคต เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน เป็นต้น อย่าลืมพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดวงตาและร่างกายโดยรวมเป็นประจำทุกปี

อย่าลืมนำ 5 วิธีถนอมสายตาดูแลควบคู่ไปกับการทานอาหารและเสริมวิตามินที่มีประโยชน์และมีส่วนช่วยดูแลดวงตาของเรา เพื่อเสริมสร้างการมองเห็นและรักษาสุขภาพดวงตาให้แข็งแรงยาวนาน


ข่าวสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์+อิเล็กทรอนิกส์วันนี้

สสวท. - Microsoft - ETDA ชวนครูทั่วประเทศอบรมฟรี "AI for Teachers" ยกระดับครูไทยสู่ยุคดิจิทัล สมัครได้ถึง 14 ตุลาคม 2568 นี้

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และบริษัท Microsoft (ประเทศไทย) จำกัด เปิดรับสมัครครูทุกสังกัด เข้าร่วมโครงการ "AI for Teachers" หลักสูตรอบรมออนไลน์ฟรี เพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ และทักษะการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างสร้างสรรค์ ปลอดภัย และมีจริยธรรม หลักสูตรประกอบด้วย 3 โมดูลหลัก Module B: พื้นฐานการรู้เท่าทันและกำกับดูแล AI Module P: การประยุกต์ใช้ AI ในงานครู เช่น Smart PA และการวิจัยนวัตกรรม และ Module A: การนำ AI

เปิดฉาก Ignite Creativity Challenge! จุดป... ETDA ปลุกพลังรู้เท่าทันกลโกง ชวนคนรุ่นใหม่ 'จุดประกายความคิดพิชิตภัย ปี 2' — เปิดฉาก Ignite Creativity Challenge! จุดประกายความคิด พิชิตภัยไซเบอร์ ปี 2 สำ...

ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเผยกลุ่มประเทศใน... อาเซียนตื่นตัวเศรษฐกิจดิจิทัล หวั่นไทยล้าหลังเวียดนาม แนะรัฐบาลเร่งเครื่อง — ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเผยกลุ่มประเทศในอาเซียน กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิท...

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี... 'ดีอี-ETDA' เปิดเวทีเร่งปูทาง Paperless Trade เตรียมเข้าร่วม CPTA ดันไทยสู่การค้าข้ามพรมแดนโลก! — กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมกับ สำนัก...