อาการเจ็บหน้าอกเป็นสัญญาณเตือนของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ การตรวจ "MRI หัวใจ" เป็นเครื่องมือเพื่อวินิจฉัยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดที่แม่นยำ เทคนิคการตรวจมาตรฐานใช้การฉีดสารทึบแสง gadolinium ซึ่งอาจพบภาวะไม่พึงประสงค์ในผู้ป่วยบางราย ในปัจจุบันมีวิทยาการที่ก้าวหน้าที่ใช้การตรวจเทคนิคnative T1 mapping MRI เพื่อช่วยวินิจฉัยโรคหัวใจขาดเลือดโดยไม่ต้องฉีดสารทึบแสง อย่างไรก็ตามมีข้อมูลที่สำคัญจากงานวิจัยใหม่
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ยอดยิ่ง เกาลวณิชย์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาหทัยวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า การศึกษาเดิมก่อนนี้พบความผิดปกติจากการตรวจnative T1 mapping ในผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง คือพบค่า native T1 ของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดสูงผิดปกติทำให้เชื่อว่าเทคนิคนี้น่าจะใช้วินิจฉัยโรคหัวใจขาดเลือดเรื้อรังได้โดยไม่ต้องฉีดสารทึบแสง
งานวิจัยโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ยอดยิ่ง เกาลวณิชย์ ร่วมกับ Duke University ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าค่า native T1 ที่สูงผิดปกติในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง แท้จริงแล้วเกิดจากไขมันในกล้ามเนื้อหัวใจไม่ใช่จากพังผืดของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
โดย native T1 mapping ไม่สามารถวินิจฉัยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรังได้โดยตรง ซึ่งไขมันในกล้ามเนื้อหัวใจนั้นไม่ได้พบในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรังทุกราย และไขมันนี้ก็ยังพบในโรคหัวใจอื่นได้ การใช้เทคนิคnative T1 mapping ในการวินิจฉัยโรคหัวใจขาดเลือดเรื้อรังจึงต้องมีความระมัดระวัง โดยผลที่ได้อาจไม่แม่นยำ หากไม่ได้ตรวจโดยการฉีดสารทึบแสง gadolinium คำแนะนำต่างๆของสมาคมแพทย์ที่ตรวจ MRI หัวใจ อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้แพทย์ทราบข้อจำกัดนี้
งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับ Top 1% ของโลก Journal of American College of Cardiology : Cardiovascular Imaging ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 สร้างความภาคภูมิใจในฐานะ "ปัญญาของแผ่นดิน" แก่มหาวิทยาลัยมหิดล
ข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ชี้ว่าโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นโรคที่พบได้บ่อยประมาณ1,400 ราย ต่อประชากร 100,000 ราย และมีอัตราการเสียชีวิตสูง ประมาณปีละ 20,000 ราย ซึ่งในรายที่มีอาการรุนแรง อาจก่อให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวจนถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งวิธีป้องกันโรคทำได้โดยการหมั่นดูแลตัวเอง ทั้งเรื่องอาหารการออกกำลังกาย และควบคุมปัจจัยเสี่ยงอื่น เช่น งดสูบบุหรี่และรีบพบแพทย์หากมีอาการผิดปกติดังกล่าว
ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่www.mahidol.ac.th
สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ) งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210
ตรวจแคลเซียมหลอดเลือดหัวใจ หรือ Coronary Artery Calcium (CAC) คือการตรวจวัดปริมาณแคลเซียมที่สะสมในผนังหลอดเลือดหัวใจ ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หากผลการตรวจระบุคราบหินปูนสะสมในปริมาณสูง ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดแดงแข็ง นำไปสู่ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตัน หรือโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและเสียชีวิตได้ Calcium Score เกิดจากอะไร การเสื่อมสภาพของหลอดเลือดตามธรรมชาติในผู้ป่วยแต่ละราย
รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบสนิท 100% โดยไม่ต้องผ่าตัด
—
รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบสนิท 100% โดยไม่ต้องผ่าตัด ที่ศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมง กับโรงพยาบาลรามคำแหง โ...
เจ็บหน้าอกแบบไหน? ใช่สัญญาณเตือน "หลอดเลือดหัวใจตีบ"
—
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบในระยะแรกมักไม่แสดงอาการผิดปกติ จนกระทั่งหลอดเลือดเริ่มตีบมากขึ้น กล้ามเนื้อหัว...
การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่ซับซ้อน (Complex PCI)
—
ปัจจุบันโรคหลอดเลือดหัวใจถือเป็นโรคที่พบได้บ่อยขึ้น การรักษาประกอบไปด้วยการรักษาผ่านสายสวน (PCI) หร...
“ไขมัน” ประโยชน์สุดเซอร์ไพรส์ ตัวช่วยคุณสาวๆ ยุคใหม่ สวยใส หน้าเด็ก เป๊ะ!!!
—
ถ้าจะเอ่ยถึง "ไขมัน" ไม่ว่าจะคุณสาวๆ หรือใครๆ ก็คงไม่ต้องการ เพราะ "ไขมัน" ค...
ไขปัญหา (หลอดเลือด) หัวใจ (ตีบ) รู้อาการ รู้ปัจจัย ป้องกันไว้ ก่อนสาย!!
—
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือเรียกว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นโรคที่พบบ่อยมาก...
บทความ จาก 'เจนเนอราลี่’ ฟิตหัวใจให้เกินร้อย ลดเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจตีบ
—
ถ้าถามว่าทุกวันนี้โรคอะไรน่ากลัว "โรคหัวใจ" เป็นโรคติดอันดับความน่ากลัวมาด้วยอย่า...