กลุ่ม KTIS เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ปี 2566 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2566 เติบโตกว่างวดเดียวกันของปี 2565 ถึง 378.9% โดยมีกำไรสุทธิ 1,510.2 ล้านบาท และมีรายได้รวม 15,948.1 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 4,599.1 ล้านบาท ชี้ปริมาณและคุณภาพอ้อยที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน ส่งผลบวกต่อทุกสายธุรกิจ โดยรายได้สายธุรกิจน้ำตาลเติบโต 45.1% สายธุรกิจเยื่อกระดาษชานอ้อยเติบโต 51.4% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลเติบโต 72.4%
นายสมชาย สุวจิตตานนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS งวด 9 เดือนแรก ปี 2566 (ตุลาคม 2565 - มิถุนายน 2566) มีรายได้รวม 15,948.1 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 4,599.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 40.5% และมีกำไรสุทธิ 1,510.2 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 1,194.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 378.9%
"เราสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิได้สูงขึ้นอย่างน่าพอใจ โดยอัตรากำไรขั้นต้น งวด 9 เดือนแรกปี 2566 ทำได้ 15.4% สูงกว่าปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 13.2% ส่วนอัตรากำไรสุทธิเพิ่มจาก 2.9% เป็น 9.7% โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนการทำอัตรากำไรที่สูงขึ้นในสายธุรกิจน้ำตาลทราย มาจากคุณภาพอ้อยที่ดีขึ้นมาก ทำให้ได้ผลผลิตน้ำตาลทรายต่อตันอ้อยสูงขึ้น อีกทั้งราคาน้ำตาลทรายที่จำหน่ายในประเทศสูงขึ้นด้วย ส่วนสายธุรกิจอื่นก็สามารถทำยอดขายได้สูงขึ้น และราคาขายก็ดีขึ้นกว่าปีก่อน" นายสมชายกล่าว
ทั้งนี้ จากปริมาณอ้อยปี 2565/2566 ของกลุ่ม KTIS ที่มีจำนวน 6.9 ล้านตัน สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้มากถึง 8 ล้านกระสอบ เทียบกับฤดูการผลิตปีก่อนหน้านั้น ซึ่งอ้อย 6.2 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลทรายได้เพียง 6.4 ล้านกระสอบ ทำให้รายได้ในสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย 9 เดือนปี 2566 ทำได้ถึง 11,906.4 ล้านบาท เติบโต 45.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565
ส่วนปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของอัตรากำไรในสายธุรกิจชีวภาพ มาจากราคาขายเยื่อกระดาษทั้งในประเทศและต่างประเทศที่สูงขึ้น รวมถึงราคาขายเอทานอลและไฟฟ้าก็สูงกว่าปีก่อนด้วย โดยรายได้ของสายธุรกิจเยื่อกระดาษชานอ้อยเติบโต 51.4% และสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลเติบโตสูงถึง 72.4%
"หากดูสัดส่วนรายได้ของสายธุรกิจต่างๆ เทียบกับรายได้รวมของกลุ่ม KTIS สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2566 พบว่า สายธุรกิจน้ำตาลทรายมีสัดส่วนรายได้ 78.5% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล มีสัดส่วน 8.4% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล มีสัดส่วน 5.5% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษชานอ้อย มีสัดส่วน 2.0% และอื่นๆ อีก 5.6%" นายสมชายกล่าว
กลุ่ม KTIS เผยไตรมาส 3 ปี 2568 กำไรสุทธิ 375 ล้านบาท คาดไตรมาส 4 มีปัจจัยบวกต่อเนื่องถึงปี 2569 จากปริมาณอ้อยและน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น
กลุ่ม KTIS มองข้ามช็อต ชี้ฝนมาเร็ว หนุนผลผลิตอ้อยและน้ำตาลปีหน้าดีต่อเนื่อง
กลุ่ม KTIS ได้ธุรกิจเยื่อกระดาษและไฟฟ้าหนุนงบไตรมาส 2 ปี 2568 ชี้ผลบวกจากปริมาณน้ำตาลที่มากกว่าปีก่อน 31.4% จะรับรู้รายได้มากขึ้นในไตรมาสที่ 3 - 4
กลุ่ม KTIS สุดปัง ผลิตน้ำตาลทรายได้มากกว่าปีก่อน 31.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งระบบ รณรงค์ส่งอ้อยสดเข้าหีบได้ผล คุณภาพอ้อยสูง-ยิลด์พุ่ง หนุนผลการดำเนินงานปี 68 โตเด่น
กลุ่ม KTIS เผยออร์เดอร์บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อยทะลัก ขยายสายการผลิต "PFAS-Free" ป้อนตลาดยุโรป-อเมริกา
ผู้บริหารกลุ่ม KTIS มั่นใจปี 2568 ผลการดำเนินงานจะดีกว่าปี 2567
กลุ่ม KTIS โชว์รายได้ปี 2566 เกือบ 2 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิโต 325% จ่ายปันผลหุ้นละ 0.10 บาท
กลุ่ม KTIS เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนรายได้สายธุรกิจชีวภาพ มั่นใจบรรจุภัณฑ์ชานอ้อย 100% เติบโตตามเทรนด์โลก
กลุ่ม KTIS โชว์กำไรสุทธิปี 2566 โตลิ่ว 325% อยู่ที่ 1,939.4 ล้านบาท เปิดรายได้รวมเกือบ 2 หมื่นล้านบาท สายธุรกิจน้ำตาล และไฟฟ้า โตเด่น