ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดยกระดับสิทธิ์การลาเพื่อดูแลบุตรให้พนักงานทั่วโลก มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้1 เป็นต้นไป โดยธนาคารฯ จะกำหนดขั้นต่ำในการลาเพื่อดูแลบุตรให้กับพนักงานทั้งหมด เพื่อให้พนักงานทุกเพศมีโอกาสเท่าเทียมกันยิ่งขึ้นในการดูแลบุตรของตน
ภายใต้สวัสดิการการให้สิทธิ์ลานี้ พนักงานสามารถขอลาเพื่อดูแลบุตรได้อย่างน้อย 20 สัปดาห์2 โดยได้รับค่าจ้าง โดยให้สิทธิ์นี้กับพนักงาน3 ทุกเพศ ทุกสถานภาพ อีกทั้งยังครอบคลุมถึงกรณีพนักงานรับอุปถัมป์เด็กเป็นบุตรบุญธรรมด้วย
สวัสดิการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยสนับสนุนผู้ปกครองที่ต้องทำงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของธนาคารฯ ในการผลักดันวัฒนธรรมการยอมรับความแตกต่างและสร้างความเท่าเทียมกัน ซึ่งจะทำให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในด้านการงานได้ในขณะที่มีเวลาให้กับครอบครัวอย่างเหมาะสม
ทานุจ คาพิลาชรามิ หัวหน้ากลุ่มสายงานทรัพยากรมนุษย์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า "ธนาคารฯ ไม่เคยหยุดนิ่งในการพิจารณาสวัสดิการที่จะช่วยผลักดันการยอมรับความแตกต่าง รวมทั้งยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน และช่วยให้พนักงานประสบความสำเร็จในการได้ใช้ศักยภาพของตนอย่างเต็มที่
ธนาคารฯ เชื่อว่า สวัสดิการเช่นการลาเพื่อดูแลบุตรนี้ จะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในด้านบทบาทของผู้ดูแลบุตร ช่วยสนับสนุนการแบ่งหน้าที่ในการทำงาน และให้โอกาสกับพนักงานที่ต้องการร่วมรับผิดชอบการดูแลบุตรของตน ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อสถานะทางการเงินของครอบครัว อีกทั้งเป็นการสร้างสถานที่ทำงานให้มีการยอมรับความแตกต่างได้ดียิ่งขึ้น และส่งเสริมวิถีการดำรงชีวิตของพนักงานที่แตกต่างกัน
เราหวังว่า สวัสดิการที่เรามอบให้นี้จะกระตุ้นให้องค์กรอื่นทั้งอุตสาหกรรมและทั่วโลกดำเนินตาม หากเราร่วมผลักดันจุดยืนร่วมกัน เราจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดสังคมที่ยอมรับความหลากหลายได้มากยิ่งขึ้น"
"เราเป็นธนาคารระดับแนวหน้าที่มอบสวัสดิการนี้ให้กับพนักงาน และเป็นการต่อยอดเพิ่มเติมจากนโยบายการให้ความยืดหยุ่นในเรื่องสถานที่ทำงาน รวมทั้งสวัสดิการอื่นๆ ที่ธนาคารฯ มอบให้กับพนักงาน เพื่อทำให้ธนาคารฯ มีจุดเด่นที่แตกต่างในการดึงดูด สร้างแรงกระตุ้น และรักษาพนักงานที่มีศักยภาพให้อยู่กับธนาคารฯ โดยความพยายามเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของเราในการเป็น Employer of Choice" พลากร หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) และสำนักงานตัวแทน กล่าว
1 สวัสดิการนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน โดยสำหรับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดในบางแห่ง สวัสดิการนี้จะมีผลเมื่อได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลท้องถิ่น ทั้งนี้สวัสดิการดังกล่าว จะไม่มีผลบังคับใช้กับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดในบางแห่งซึ่งอยู่ระหว่างการขายกิจการ
2 หากกฎหมายท้องถิ่นกำหนดให้ระยะเวลาในการลาเพื่อดูแลบุตรนานกว่าที่ธนาคารกำหนดให้ ให้ยึดปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น
3 ทั้งนี้ให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติของแผนกทรัพยากรมนุษย์ในประเทศนั้นๆ ซึ่งรวมถึงเงื่อนไขการได้รับสิทธิ์และกฎระเบียบท้องถิ่น
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าในปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 2.4 จากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 2.8 และคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ในการประชุมเดือนเมษายนนี้ "ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับธนาคารกลางทุกแห่ง เราได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.4% จากเดิมที่คาดไว้ที่ร้อยละ 2.8 เนื่องจากปัจจัยเรื่องความไม่
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จัดงานสัมมนา Global Research Briefing - Reverberations ให้ลูกค้าของธนาคาร
—
นางสาวอัญชลี บุญทรงษีกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธ...
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหนุน กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย
—
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแ...
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด : เศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว คาดธปท. คงดอกเบี้ยนโยบาย
—
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดเศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 4.3...
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคงคาดการณ์ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดี มองเลือกตั้งและการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวหนุน
—
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคงคาดการณ์เศ...