ฮ่องกงติดอันดับ 4 เอื้อต่อการทำธุรกิจมากที่สุดในโลก ขณะอินโดนีเซียและจีนทำธุรกิจยากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ทีเอ็มเอฟ กรุ๊ป (TMF Group) ผู้ให้บริการชั้นนำด้านกฎหมาย บัญชี ภาษี ทรัพยากรบุคคล และงานบริหารทั่วไป ประกาศเปิดตัวดัชนีความซับซ้อนในการทำธุรกิจระดับโลก (Global Business Complexity Index หรือ GBCI) เป็นปีที่ 10

รายงานดังกล่าวครอบคลุมการวิเคราะห์ประเทศและเขตปกครอง 78 แห่ง (77 แห่งในปี 2565) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 92% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมทั้งโลก และคิดเป็น 95% ของยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) สุทธิทั่วโลก โดยการติดตามประเมินตัวชี้วัดเกือบ 300 รายการในแต่ละปี เพื่อนำเสนอข้อมูลการทำธุรกิจในแง่มุมต่าง ๆ เช่น กฎหมาย การปฏิบัติตามข้อกำหนด กระบวนการจัดทำบัญชี ระบบภาษี ทรัพยากรบุคคล (HR) และกระบวนการจัดทำเงินเดือน

อินโดนีเซียติดอันดับประเทศที่มีความซับซ้อนหรือทำธุรกิจยากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก (อันดับ 11 ทั่วโลก เทียบกับอันดับ 6 ในปี 2565) ตามด้วยจีน (อันดับ 15) เกาหลีใต้ (อันดับ 16) มาเลเซีย (อันดับ 21) และฟิลิปปินส์ (อันดับ 31) ทั้งนี้นับเป็นเพียงครั้งที่สองในรอบสิบปีที่ไม่มีประเทศจากเอเชียแปซิฟิกติดอันดับ 10 ประเทศและเขตปกครองที่ซับซ้อนที่สุดในการทำธุรกิจ

ในทางกลับกัน อินเดีย (อันดับ 33) ทำอันดับดีขึ้นอย่างมากในปีนี้ หลังจากที่ดำเนินการปฏิรูปกฎหมายควบคู่ไปกับการเปิดเสรีแนวปฏิบัติและหลักเกณฑ์เพื่อลดภาระของบริษัทต่าง ๆ ในการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับกฎหมายของประเทศ เช่นเดียวกับในเวียดนาม (อันดับ 46) ที่ทางการหรือหน่วยงานส่วนใหญ่นำระบบออนไลน์มาใช้เพื่อยกระดับการกำกับดูแลและแนวปฏิบัติใหม่

ในอีกด้านของตาราง ฮ่องกง (อันดับ 74) ติดอันดับ 10 เขตปกครองที่ทำธุรกิจง่ายที่สุดเป็นปีที่สามติดต่อกัน อันเป็นผลมาจากความสำเร็จในการจัดลำดับความสำคัญในการปฏิบัติตามข้อกำหนดระหว่างประเทศและลดความซับซ้อนของกระบวนการทางธุรกิจ นอกจากนี้ ฮ่องกงยังคงเป็นเขตปกครองที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานและอัตราภาษีที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะเดียวกัน แม้การทำธุรกิจในฮ่องกงเป็นเรื่องง่าย ไม่ซับซ้อน แต่เจ้าของธุรกิจในฮ่องกงยังคงต้องถูกตรวจสอบสถานะของกิจการอย่างเข้มงวด รวมทั้งมีกระบวนการทำความรู้จักลูกค้าเพื่อให้สามารถพิสูจน์และยืนยันตัวตนได้อย่างถูกต้อง (Know Your Customer: KYC)

ชากุน กุมาร (Shagun Kumar) ผู้บริหารทีเอ็มเอฟ กรุ๊ป ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "ดัชนีความซับซ้อนในการทำธุรกิจระดับโลกประจำปีที่ 10 ของเราแสดงให้เห็นถึงระดับความซับซ้อนที่หลากหลายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยฮ่องกงและออสเตรเลียยังคงรักษาตำแหน่งประเทศและเขตปกครองที่ซับซ้อนน้อยที่สุดเอาไว้ได้ในปีนี้ ขณะที่การทำธุรกิจในหลายประเทศยังคงมีความท้าทาย เช่น อินโดนีเซีย และจีน แต่ขณะเดียวกันท่ามกลางความท้าทายเหล่านั้น ก็มีโอกาสอีกมากมายที่รอคอยให้ธุรกิจระหว่างประเทศเข้าไปไขว่คว้า ส่วนในอินเดียนั้น นโยบายการบริหารประเทศ 'Minimum Government and Maximum Governance' ที่มุ่งลดขนาดของภาครัฐและเน้นธรรมาภิบาล ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยรวมแล้วเอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ของเราทั่วโลก ดัชนี GBCI และข้อค้นพบที่ได้นั้นเป็นแนวทางที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับบริษัทที่ต้องการสำรวจและลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยความตระหนักและรอบรู้มากขึ้น"  

นอกจากวิเคราะห์ประเทศและเขตปกครอง 78 แห่งแล้ว รายงานยังระบุถึงสามประเด็นหลักที่กำหนดภูมิทัศน์การทำธุรกิจและสภาพแวดล้อมด้านการกำกับดูแลทั่วโลก ได้แก่:

ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ

รายงานแสดงให้เห็นว่า ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์และปัจจัยเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจและการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น ภาวะเงินเฟ้อทำให้พนักงานถามหาการสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมจากนายจ้าง ซึ่งนำไปสู่ความต้องการเงินเดือนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียแปซิฟิก พบว่า 93% ของประเทศและเขตปกครองที่ทำการสำรวจ มีแนวโน้มที่พนักงานจะร้องขอสิทธิประโยชน์ทางการเงินที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า GDP เวียดนามจะเติบโต 6.5% ในปี 2566 ซึ่งต่ำกว่าปี 2565 (8.02%) เนื่องจากอุปสงค์ที่คาดว่าจะลดลงในตลาดส่งออกหลัก อันเป็นผลมาจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่นเดียวกับ สถานการณ์ในไทยที่แรงต้านจากภาวะเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว แม้ว่าไทยสามารถฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วก็ตาม

ความท้าทายในการปฏิบัติตามข้อกำหนดทั่วโลก

รายงานยังแสดงให้เห็นด้วยว่า การที่บริษัทต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของประเทศต่าง ๆ นั้นเป็นการเพิ่มความซับซ้อนในการทำธุรกิจ โดยบริษัทที่ทำธุรกิจในประเทศจีนต้องประสบกับอุปสรรคทางด้านกฎหมายจากการที่รัฐบาลเปลี่ยนแปลงมาตรการอัตราภาษีสิทธิพิเศษที่เรียกเก็บจากรายได้จากการถือหุ้นของพนักงาน โบนัสประจำปี และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับพนักงานต่างชาติ ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมกราคม 2565 แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อแรงงานต่างชาติและธุรกิจระหว่างประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็อาจเป็นอุปสรรคสำหรับองค์กรต่าง ๆ ในการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล

ส่วนผลกระทบของสงครามที่มีต่อธุรกิจนั้น จากการสำรวจพบว่า การตรวจสอบ KYC ในออสเตรเลียและมาเลเซียมีความละเอียดรอบคอบมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อธุรกิจและบุคคลของรัสเซีย

อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน กฎระเบียบที่เข้มงวดอาจกลายเป็นปัจจัยดึงดูดได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสำนักงานครอบครัวและความมั่งคั่งส่วนบุคคล (Private Wealth and Family Office: PWFO) ที่ต้องการความปลอดภัยและความมั่นคงในการลงทุนทำธุรกิจ ตัวอย่างเช่นในสิงคโปร์ กรอบการกำกับดูแลที่เข้มแข็งและมั่นคง รวมถึงเสถียรภาพทางการเมือง เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้สิงคโปร์ยังมีมาตรการจูงใจทางภาษีที่น่าสนใจซึ่งดึงดูดบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูง

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ( ESG)

หลายประเทศให้ความสำคัญมากขึ้นและกำหนดให้ต้องมีการรายงาน ESG โดยรัฐบาลของประเทศและเขตปกครองต่าง ๆ มุ่งหวังที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในเรื่องของการทำธุรกิจโดยคำนึงถึงการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ยกตัวอย่างเช่น เป้าหมายของรัฐบาลมาเลเซียในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 นั้นก้าวหน้าอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน บริษัทในมาเลเซียต่างดำเนินโครงการ ESG กันอย่างจริงจัง และบริษัทข้ามชาติกำหนดให้การใช้พลังงานเป็นเป้าหมายหลักในพันธกิจด้าน ESG

ขณะที่ในอินเดีย ผู้เชี่ยวชาญของเรารายงานว่า บริษัทชั้นนำให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดด้าน ESG เนื่องจากทำให้การลงทุนสร้างผลกำไรมากขึ้นสำหรับนักลงทุนทั่วโลก ขณะที่ในฮ่องกง มีการออกหนังสือเวียนฉบับแก้ไขที่มีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2565 ซึ่งให้คำแนะนำแก่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลที่เพิ่มขึ้นสำหรับกองทุน โดยกำหนดให้รวมปัจจัยด้าน ESG เป็นวัตถุประสงค์หลักในการลงทุน

10 อันดับแรก และ 10 อันดับท้าย (1= ยากที่สุด, 78= ง่ายที่สุด)

1 ฝรั่งเศส69 มอลตา
2 กรีซ70 เจอร์ซีย์
3 บราซิล71 นิวซีแลนด์
4 เม็กซิโก72 สหราชอาณาจักร
5 โคลอมเบีย73 หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน
6 ตุรกี74 ฮ่องกง
7 เปรู75 เนเธอร์แลนด์
8 อิตาลี76 กือราเซา
9 โบลิเวีย77 เดนมาร์ก
10 อาร์เจนตินา78 หมู่เกาะเคย์แมน

ข่าวเอเชียแปซิฟิก+อินโดนีเซียวันนี้

ฟิลิปส์เผยโฉมนวัตกรรมการดูแลรักษาโรคหัวใจแห่งอนาคต ในงานประชุมวิชาการระดับภูมิภาค 'APAC Cardiology Symposium 2025'

รอยัล ฟิลิปส์ (NYSE: PHG, AEX: PHIA) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลก จัดงานประชุมวิชาการด้านโรคหัวใจระดับภูมิภาค "APAC Cardiology Symposium 2025" ครั้งที่ 10 ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพมหานครฯ โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ แพทย์มัณฑนากรหัวใจและหลอดเลือด นักรังสีวิทยา และพยาบาล จากโรงพยาบาลชั้นนำจาก 8 ประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กว่า 100 คน เข้าร่วมงาน ภายในงานฯ

และ Blue by Alain Ducasse คว้า Top 100 ร้... สยามพารากอน ยืนหนึ่งแลนด์มาร์กระดับโลก คว้ารางวัล ICONIC THAI BRAND AWARD จาก Tatler Asia — และ Blue by Alain Ducasse คว้า Top 100 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเ...