- กำไรสุทธิ 3,452 ล้านบาท สะท้อนความสามารถในการดำเนินงานทุกโรงไฟฟ้า
 - ธุรกิจไฟฟ้าในสหรัฐฯ แข็งแกร่งจากการลงทุนใหม่ใน Temple ll สามารถผนึกพลังร่วมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า
 
บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพระดับสากลที่ ยึดมั่นในการส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด "Powering Energy Sustainability with Quality Megawatts (มุ่งสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานด้วยเมกะวัตต์คุณภาพ)" รายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2566 ด้วยกำไรสุทธิ 3,452 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม 4,100 ล้านบาท สะท้อนถึงความสามารถในการรักษาเสถียรภาพการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง รวมทั้งสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกระแสเงินสดมั่นคง อีกทั้งในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายกำลังผลิต 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 2568
                                                                                                                                        นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ภาพรวมในครึ่งแรกของปี 2566 BPP ยังคงสามารถรักษาเสถียรภาพการผลิตของโรงไฟฟ้าทุกแห่งได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถสร้างกระแสเงินสดและรายงานผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้เราเดินหน้าสร้างการเติบโตได้ตามแผน โดยล่าสุดได้ต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจของ BPP ในสหรัฐฯ ด้วยการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยี Combined Cycle Gas Turbines (CCGT) ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง พร้อมสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที อีกทั้งยังสามารถผสานพลังร่วมกับโรงไฟฟ้า Temple l ได้อย่างเต็มศักยภาพ ด้วยการใช้ทรัพยากรร่วมกันและบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรโดยผสานพลังร่วมและดึงศักยภาพสูงสุดของทั้ง 2 โรงไฟฟ้าผ่าน 3 มาตรการ ได้แก่ 1) Operation Excellence เน้นแผนปฏิบัติการที่เหมาะสมและมีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ต่าง ๆ 2) Strategic Trading Approach วางกลยุทธ์ซื้อขายไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพการกำหนดราคาซื้อขายเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ และ 3) Hedging and Risk Management มีกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงและใช้เครื่องมือทางการเงินรูปแบบต่าง ๆ ในการจัดการความเสี่ยงเพื่อให้ได้กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ ซึ่งทั้ง 3 มาตรการนี้จะทำให้โรงไฟฟ้าของเรามีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถสร้างรายได้ให้ BPP ได้อย่างมั่นคง"
                                                            
                                                                                                                            
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2566 ของ BPP ส่วนหลักมาจากการเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงไฟฟ้าเอชพีซีใน สปป.ลาว และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในไทย โดยมีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 93 ด้านโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐฯ รับรู้รายได้จำนวน 2,981 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นในเขตพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ที่ BPP ได้ลงทุนผ่านบ้านปู เน็กซ์ในสัดส่วนร้อยละ 50 ยังคงขยายการเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ได้เข้าลงทุนในโครงการแบตเตอรี่ฟาร์ม ขนาดใหญ่อิวาเตะ โตโนะ (Iwate Tono) ในประเทศญี่ปุ่น กำลังผลิต 58 เมกะวัตต์ชั่วโมง ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบไฟฟ้าและติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อสร้างพลังร่วมกับธุรกิจ Energy Trading ที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้วในญี่ปุ่นได้ในอนาคต อีกทั้งยังได้ลงทุนในโอยิกะ (Oyika) สตาร์ทอัพสิงคโปร์ ผู้ให้บริการโซลูชันสลับแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เป็นต้น
"ในไตรมาส 3/2566 BPP ยังคงเร่งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างรายได้และกระแสเงินสด โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า Temple II ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐเท็กซัสกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน จึงทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสูง ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติ อัตราค่าไฟฟ้า และปริมาณยอดขายไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา BPP ได้จัดตั้งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environment Social and Governance: ESG) อย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมกำหนดทิศทางและนโยบาย ESG ของ BPP สู่เป้าหมายในการขับเคลื่อนอนาคตแห่งการส่งมอบพลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน โดยเน้นความโปร่งใสและความเป็นอิสระในการกำกับดูแลด้านความยั่งยืนเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและความร่วมมือจากผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม" นายกิรณกล่าวปิดท้าย
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจ BPP ได้ที่ www.banpupower.com
                            
                            ส่องอนาคต BPP กับก้าวสำคัญในสหรัฐฯ ผนึกพลัง 2 เท่า ด้วยโรงไฟฟ้าแฝด Temple I และ Temple II เสริมแกร่งให้ธุรกิจไฟฟ้าทั้ง Value Chain
                        
                            BPP ส่งเสริม 'Sense of Ownership' บริหารธุรกิจระหว่างประเทศมูลค่าแสนล้าน
                        
                            TEGH ร่วมงานเสวนา "National Director Conference 2023"
                        
                            BPP เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าเป็นสองเท่าในสหรัฐฯ เข้าลงทุนใน "Temple II" โรงไฟฟ้าก๊าซเทคโนโลยี CCGT พร้อมรับรู้รายได้ทันที
                        
                            BPP ประกาศลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ประเทศสหรัฐ มูลค่าการลงทุนรวม 16,060 ล้านบาท
                        
                            BPP ปลื้มกำไรสุทธิไตรมาสแรก พุ่งแตะ 2,000 ล้านบาท มั่นใจกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
                        
                            BPP เผยแผนธุรกิจปี 2566-2568 สร้างเมกะวัตต์คุณภาพ ผนึกพลังร่วมเพื่อขยายการเติบโตในประเทศกลยุทธ์
                        
                            ถอดแนวคิดคนรุ่นใหม่ของ "บ้านปู เพาเวอร์" ฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าคุณภาพให้เติบโตถึงเป้าหมาย