DDD เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2566 โต 114% YoY พร้อมลุยขยายตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ หนุนรายได้ครึ่งปีหลัง

15 Aug 2023

บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อุปกรณ์ตกแต่งทรงผม อุปกรณ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เครื่องครัว แบรนด์ดัง อาทิ SNAILWHITE, NAMU LIFE, OXE'CURE, SPARKLE, LESASHA, JASON, EMJOI, BEAR, iLIFE และ @HOME รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 มีผลกำไรสุทธิ 1.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 114 โดยมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 19.07 ล้านบาท พร้อมลุยขยายตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ หนุนรายได้ครึ่งปีหลัง 

DDD เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2566 โต 114% YoY พร้อมลุยขยายตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ หนุนรายได้ครึ่งปีหลัง

นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD     กล่าวรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ว่า "บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 375 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.54 จากปัจจัยการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวที่ช้ากว่าคาดการณ์ และจุดจำหน่ายสินค้าประเภทเสริมความงามบางแห่งในห้างสรรพสินค้ามีการปิดปรับปรุง โดยทางบริษัทฯ ได้ขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางอื่น ครอบคลุมไปถึงช่องทางออนไลน์ งานแสดงและจัดจำหน่ายสินค้า คาดว่าในไตรมาส 3 จะเริ่มกลับมาฟื้นตัว สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยังมีการเติบโตได้ดีในอัตราร้อยละ 2.70 จากการขยายตลาดไปสู่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และกลุ่มเอเชียตะวันออกเพิ่มเติม 

ทั้งนี้ ต้นทุนสินค้าขายสำหรับไตรมาส 2 ปี 2566 มีมูลค่า 136 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.22 ของรายได้จากการขาย โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 1.68 point เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 ที่มีต้นทุนสินค้าและบริการ 140 ล้านบาท หรือร้อยละ 34.54 ของรายได้จากการขาย จากการลดลงของรายได้จากการขายส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยผลิตปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯ คงมาตรการคุมเข้มด้านต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว 

ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับไตรมาส 2 ปี 2566 มีมูลค่า 219 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 58.31 ของรายได้จากการขาย ลดลง 10 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 ที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 229 ล้านบาท หรือร้อยละ 56.35 ของรายได้จากการขาย ทั้งนี้ บริษัทฯ คงนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายตามแผน Synergy Roadmap ภายในกลุ่มบริษัทเพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในกลุ่มของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของการบริหารจัดการด้านคลังสินค้าและสำนักงานที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 เป็นต้นมา 

จากปัจจัยข้างต้น บริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงาน (Net Profit from Operating Performance) ในไตรมาส 2 ปีนี้ เท่ากับ 19 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตรากำไรจากการดำเนินงานเทียบกับรายได้จากการขายที่อัตราร้อยละ 5.08 

ด้านนโยบายการลงทุน บริษัทฯ ยังคงระมัดระวังในการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน โดยในไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้อื่นจากการลงทุนจำนวน 29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ที่มูลค่า 1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 ที่มีรายได้อื่นจำนวน 28 ล้านบาท นอกจากนี้ไตรมาส 2 ปี 2566 มีการรับรู้ขาดทุนจากการตีมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินตามมาตรฐานการบัญชี จำนวน 48 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 33.63 ที่มูลค่า 25 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 ที่มีการรับรู้ขาดทุนจากการตีมูลค่าสิทรัพย์ทางการเงิน 73 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของกิจการอยู่ที่ 1.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 114 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 ที่มีขาดทุนสุทธิ 10 ล้านบาท 

สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มุ่งเน้นการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีสินค้า เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ พร้อมตอกย้ำการเป็นแบรนด์ผู้นำด้านอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมอันดับ 1 ในประเทศไทย โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุดในกลุ่มของผลิตภัณฑ์เสริมความงามในช่วงต้นไตรมาส 3 ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานสำหรับทุกเพศ ได้แก่ LESASHA Smart BLDC Jet และ LESASHA Hybrid Smart Hair Crimper นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มของไลฟ์สไตล์ ที่จะเข้ามาเสริมทัพและช่วยผลักดันรายได้ให้กับบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีหลังได้อย่างแน่นอน จากปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจหลายประการ บริษัทฯเพิ่มมาตรการการคุมเข้มด้านค่าใช้จ่ายพร้อมแผนการตลาดที่ระมัดระวังเพื่อให้การใช้จ่ายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด