KCG ผู้นำการผลิต จัดจำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์เนย ชีส และผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคชั้นนำจากทั่วโลก เดินหน้าแผนลงทุนยกระดับเทคโนโลยีและขยายกำลังการผลิต สร้างสรรรค์นวัตกรรมสู่เติบโตยั่งยืน
'บมจ.เคซีจี คอร์ปอเรชั่น' หรือ KCG ผู้นำธุรกิจผลิต จัดจำหน่าย และนำเข้าเนย ชีส และผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคชั้นนำจากทั่วโลก เดินหน้าขยายการลงทุนหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โชว์ฟอร์มเป็นหุ้นที่มีแผนการลงทุนขยายกำลังการผลิตที่ชัดเจน เพื่อยกระดับการผลิตและระบบศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้าที่ทันสมัย มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสร้างความรื่นรมย์ให้กับรสชาติอาหารที่มีคุณภาพในทุกช่วงมื้ออาหาร สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.วาทิต ตมะวิโมกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ" หรือ "KCG") เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหมวดอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร / อาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อ 'KCG' ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ที่วางรากฐานอย่างแข็งแกร่งมาอย่างยาวนาน จะช่วยสนับสนุนให้ KCG เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายเพื่อก้าวสู่ผู้นำการผลิตและนำเข้าผลิตภัณฑ์เนย ชีส และผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคชั้นนำจากทั่วโลก
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนขยายการลงทุนในปี 2566-2567 โดยมุ่งลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตชีส (Individually Wrapped Processed Cheese Slices) จากเดิม 2,106 ตันต่อปี ให้เพิ่มเป็น 4,212 ตันต่อปี ภายในปีนี้ และจะขยายกำลังการผลิตเนยที่โรงงานเทพารักษ์ จากในปัจจุบัน 18,596 ตันต่อปี ให้เพิ่มเป็น 23,261 ตันต่อปี ภายในปี 2567 รวมถึงลงทุนเครื่องจักรใหม่และปรับพื้นที่สร้างห้องปลอดเชื้อที่โรงงานบางพลี
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะลงทุนก่อสร้างและพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า (KCG Logistics Park) โดยเป็นศูนย์กระจายสินค้าแบบแช่แข็ง (Frozen) และแบบอุณหภูมิห้อง (Ambient) ซึ่งเป็นคลังสินค้าที่มีความทันสมัยและครบวงจร อีกทั้งยังเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บและบริหารจัดการสินค้าได้อย่างทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งตามชนิดผลิตภัณฑ์ (Product Layout) เทียบเท่ามาตรฐาน GMP C และ GMP D ซึ่งเป็นมาตรฐานยุโรป รวมทั้งวางแผนการนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ (Automation) มาพัฒนาโรงงานสู่การผลิตระบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2567
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า KCG เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิต จัดจำหน่าย และนำเข้าเนย ชีส และผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคชั้นนำจากทั่วโลก เป็นผู้นำการสร้างสรรค์สินค้าสู่ตลาด (Trend Setter) ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ทั้งในกลุ่มเนยและชีส ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ อีกทั้งยังเป็นอาหารทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ สอดคล้องกับเทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจสุขภาพและสอดรับการขยายตัวของร้านอาหารตะวันตก โดยเฉพาะร้านเบเกอรี่และคาเฟ่ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทฯ ยังมีฐานการผลิตอันแข็งแกร่ง และแผนการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต และนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ (Automation) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น จึงเชื่อว่าด้วยการวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง จะช่วยผลักดันให้ KCG สร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
"โนเบิล" คว้าเรตติ้งสูงสุด AAA ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จาก SET ESG Ratings 2025
TASCO คว้า SET ESG Ratings 2025 ระดับ "AA"
JMART - JMT ยืน SET100 ครึ่งแรกปี 2569 พร้อมตอกย้ำศักยภาพ ESG กลุ่มเจมาร์ทยกระดับคะแนนความยั่งยืน
MSC ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AA ประจำปี 2568
WINMED ลุย! ให้บริการนวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อคนไทย
SO คว้า SET ESG Ratings ปี 68 ระดับ "BBB" พร้อมมุ่งมั่นสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน
TBN เดินหน้าธุรกิจตามหลัก ESG คว้า SET ESG Ratings ระดับ "A" ประจำปี 2568 ตอกย้ำผู้นำดิจิทัลโซลูชันที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน
ดิ เอราวัณ กรุ๊ป คว้าอันดับ "A" ในการประเมิน SET ESG Ratings 2025
PRTR ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ A ประจำปี 2568