บีเอ็นวาย เมลลอน ที่ปรึกษาการลงทุนระดับโลกและพันธมิตรของเมย์แบงก์ ประเทศไทย คาดการณ์แนวโน้มของเศรษฐกิจทั่วโลกโดยรวมยังคงอึมครึม ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ตลาดค่อนข้างกังวลกับความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) อย่างไรก็ตามสัญญาณของการเกิดภาวะดังกล่าวยังไม่เห็นอย่างชัดเจนนัก ในขณะเดียวกันเงินเฟ้อทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับสูงและปรับตัวลงค่อนข้างช้า ธนาคารกลางหลักของโลกทั้ง Fed และ ECB จึงต้องทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2/2023 ที่ผ่านมา
อนินดา มิตรา หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคภูมิภาคเอเชียและกลยุทธ์การลงทุน (Head of Asia Macro and Investment Strategy) บีเอ็นวาย เมลลอน มองว่าเศรษฐกิจโลกยังคงอึมครึมอยู่ โดยเริ่มเห็นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในยุโรป และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ช้ากว่าที่คาด ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามทาง BNY Mellon คงมุมมองว่าความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2024 ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยแบ่งออกเป็น 3 Scenarios ดังนี้ 1. วิกฤตสินเชื่อตึงตัว (Credit Crunch) มีโอกาสเกิด 40% ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปลายปีนี้ หรือช่วงต้นปีหน้า 2. เศรษฐกิจถดถอยล่าช้า (Delayed Landing) มีโอกาสเกิด 40% ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงกลางปีหน้า และ 3. Soft Landing มีโอกาสเกิด 20% ซึ่งเป็นภาพของเศรษฐกิจที่ชะลอลงตามการลดลงของเงินเฟ้อ แต่ไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย
แม้ว่าการประเมินของทาง บีเอ็นวาย เมลลอน จะชี้ว่ามีโอกาสสูงที่สินทรัพย์เสี่ยงจะถูกกดดันในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้า แต่โอกาสในการลงทุนยังคงมีให้เห็นอยู่ดังนี้ 1. ตราสารหนี้คุณภาพดี (High-quality fixed income) ซึ่งมีความน่าสนใจจากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่ใกล้สู่จุดสูงสุดแล้ว และเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในภาวะเศรษฐกิจถดถอย และ 2. หุ้นกลุ่ม Large-cap และ High Quality เป็นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง และโครงสร้างทางธุรกิจชั้นเยี่ยม ซึ่งจะสามารถก้าวผ่านภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด
ด้านคุณอภิญญา องค์คุณารักษ์, CFA, CAIA กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายงาน Investment Solutions บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มองว่าการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ยังคงมีความน่าสนใจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้อย่างโดดเด่นโดยเฉพาะภาคบริการ พร้อมทั้งเริ่มเห็นการฟื้นตัวของภาคผลิตในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ประกอบกับตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนผ่านตัวเลขอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 4% และในขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และค่อยๆ ทยอยปรับตัวลดลง พร้อมกับ Fed ที่ขึ้นดอกเบี้ยจนใกล้ถึงเป้าหมาย (Terminal rate)
คุณอภิญญา เผยอีกว่าการลงทุนระยะสั้น (1-3 เดือน) ในหุ้นจีนมีความน่าสนใจมากขึ้น หลังการปรับฐานลงของตลาดหุ้นจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เนื่องมาจากความผิดหวังของตัวเลขทางเศรษฐกิจจีนหลังการเปิดเมืองเปิดประเทศตั้งแต่ต้นปี อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นจีนได้รับรู้ (Priced-in) ข่าวดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว ประกอบกับเตรียมรับแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 ผ่านนโยบาย 4 ด้านคือ 1. นโยบายการคลังแบบ Proactive 2. รัฐบาลท้องถิ่นเตรียมออกพันธบัตรเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ 3. นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป และ 4. นโยบายด้านอสังหาริมทรัพย์ที่จะเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น
บลจ. ไทยพาณิชย์ ต้อนรับปี 68 เปิดตัวกองทุนใหม่ SCBCR1YT
บีเอ็นวาย เมลลอน เผยทิศทางการลงทุนโลก ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ยังมีท่าทีที่แตกต่าง ส่งผลต่อการลงทุนโค้งสุดท้าย ปี 2566
บล.เมย์แบงก์ และบีเอ็นวาย เมลลอน มองตลาดหุ้นไทย ยังผันผวนสูง แนะนักลงทุนกระจายความเสี่ยง และลงทุนแบบเน้นคุณภาพ
เมย์แบงก์แนะนักลงทุนควรพิจารณาบาลานซ์พอร์ตรับมือปี 66
บีเอ็นวาย เมลลอน เผยทิศทางการลงทุนโลกปี 2566 แนะนักลงทุนตั้งรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ชูตราสารหนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่สดใส
เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) พลิกโฉมธุรกิจ มุ่งสร้างโอกาสการลงทุนที่เท่าเทียม เดินหน้าผนึก บีเอ็นวาย เมลลอน ที่ปรึกษาการลงทุนระดับโลก เพิ่มศักยภาพ ยกระดับบริการสู่เวิร์ลคลาส