STECH มั่นใจผลงาน H2 โตกว่าครึ่งปีแรกทั้งรายได้-กำไร พร้อมเดินเครื่องโรงงานผลิตลวดเหล็ก Q4 ปีนี้

02 Oct 2023

"บมจ. สยามเทคนิคคอนกรีต หรือ STECH" แย้มแนวโน้มครึ่งปีหลังสัญญาณดี เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก หลังได้รัฐบาลชัดเจน ลุ้นงานโครงสร้างพื้นฐานฟื้น หนุนผลงานปีนี้โตตามแผน ล่าสุดตุน Backlog 1,200 ลบ. ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และปีหน้า เดินหน้าประมูลงานใหม่มูลค่ากว่า 1,400 ลบ. พร้อมเดินเครื่องโรงงานผลิตลวดเหล็กในไตรมาส 4/66 นี้ เป็นโรงงานลวดเหล็กเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้ธีม "ลวดรักษ์โลก"

STECH มั่นใจผลงาน H2 โตกว่าครึ่งปีแรกทั้งรายได้-กำไร พร้อมเดินเครื่องโรงงานผลิตลวดเหล็ก Q4 ปีนี้

นายทรงศักดิ์ ปิยะวรรณรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 มั่นใจว่าทั้งรายได้และกำไรจะดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยบวกจากการที่ STECH ต้นทุนการแข่งขันจะดีขึ้นเนื่องจากมีโรงงานผลิตลวดเหล็กซึ่งจะเริ่มการผลิตเชิงพานิชย์ได้ในไตรมาส 4/66 นี้ โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้มีความเข้มงวดและระมัดระวังการปล่อยเครดิตให้ลูกค้าสูงมาก จะเน้นขยายเฉพาะงานที่สามารถเก็บเงินได้ตามกำหนดเท่านั้น ทั้งนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 จะดีขึ้นกว่าช่วงไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมา และจะดีขึ้นต่อเนื่องถึงไตรมาส 4/2566 ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับการได้รัฐบาลชุดใหม่ที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้งานโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศออกมามากขึ้นด้วย

"ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สภาพคล่องของประเทศค่อนข้างตึง เพราะประสบกับปัญหาหลายๆ อย่าง เราจึงต้องระมัดระวังในการขายของมากขึ้น ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกรอบการรับเงินยาวขึ้น เพราะลูกค้าขอยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินออกไปบ้าง จึงกระทบกับการรับรู้รายได้ของเราอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีขึ้น จากการมีรัฐบาลที่ชัดเจน ก็คาดว่าจะเริ่มมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง ซึ่งก็จะส่งผลดีกับ STECH ด้วย เพราะบริษัทเราขายผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอยู่แล้ว" นายทรงศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 1,200 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2566 และจะมีบางส่วนที่จะทยอยรับรู้ถึงปี 2567 นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการติดตามงานที่ได้ยื่นประมูลไปแล้ว มูลค่ารวมประมาณ 1,400 ล้านบาท

นายทรงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2566 บริษัทเชื่อว่ารายได้รวมจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,125.48 ล้านบาท แม้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น และผลักดันภาพรวมของทั้งปีให้เติบโตได้มากกว่าก่อน

ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตลวดเหล็ก ที่จังหวัดชลบุรี ขนาดกำลังการผลิตที่ 2,000 ตันต่อเดือน ซึ่งอยู่บนพื้นที่เดียวกันกับโรงงานคอนกรีตแห่งที่ 10 โดยจะเริ่มการผลิตเชิงพานิชย์ได้ในไตรมาส 4/66 นี้ ซึ่งสินค้าใหม่ราว 30% จะใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัท และที่เหลือดำเนินการขายให้กับลูกค้าส่วนต่างๆ อีกทางหนึ่ง เพื่อเข้าสู่การสร้าง New S-Curve ในธุรกิจใหม่ และการบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากต้นทุนค่าลวดนับเป็นประมาณ 20-30% ของต้นทุนการผลิต และจะกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต สร้างฐานกำไรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

บริษัท สยามสตีลไวร์ จำกัด เป็นบริษัทลูกของ STECH ถือหุ้น 100% ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายลวดเหล็ก บริษัทฯ ได้มีการออกแบบโรงงาน และสั่งเครื่องจักรที่ทันสมัยจากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่รักษาสิ่งแวดล้อม โดยเครื่องจักรที่ติดตั้งโรงงานผลิตลวดเหล็ก เป็นเครื่องจักรที่มีความทันสมัยที่สุดในขณะนี้ ซึ่งโดยปกติโรงงานผลิตลวดเหล็กโดยทั่วไปจะใช้น้ำกรดในการทำความสะอาดลวด แต่โรงงานผลิตลวดเหล็กของ STECH จะไม่ใช้ระบบน้ำกรด แต่จะใช้วิธีการดัดลวดแล้วใช้กระดาษทรายทำความสะอาด ซึ่งเป็นโรงงานลวดเหล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้ธีม "ลวดรักษ์โลก"