ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ยังคงแนะนำนักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นโลก และซื้อตราสารหนี้สหรัฐฯ ชี้ กรณีเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2567 พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าหุ้นโลก และยังช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุน
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr. Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ยังคงแนะนำลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นโลก และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตราสารหนี้ โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากในกรณีที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2567 และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องกลับมาลดดอกเบี้ยลงเร็วและแรงกว่าที่คาดอาจทำให้ ผลตอบแทนรวมจากการลงทุนในพันธบัตรอาจเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10% ซึ่งทำให้มองว่าการลงทุนพันธบัตรสามารถคาดหวังผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาดหุ้นโลก และช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ดีในกรณีที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากกว่าคาดในปี 2567
"ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยิลด์) เคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 4.5% และคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับนี้ในระยะสั้น ก่อนจะลดลงสู่ระดับที่ 3.9-4.0% ในช่วงสิ้นปี 2566 ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในช่วงท้ายปี หากเป็นไปตามคาด การลงทุนในพันบัตรอายุ 10 ปี จะได้รับผลตอนแทนจากส่วนต่างของราคาอีก 2-3% เพิ่มเติมจากผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ราว 4.5% ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนรวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 6-7% ในกรอบระยะเวลาการลงทุน 1 ปี แต่หากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า และ Fed ต้องกลับมาลดดอกเบี้ยลงเร็วและแรงกว่าที่คาด จะส่งผลให้บอนด์ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.0% ซึ่งในกรณีนี้ผลตอบแทนรวมจากการลงทุนในพันธบัตรอาจเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10%" นายคมศรกล่าว
ทั้งนี้ แม้ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกจะปรับฐานลงมาตามคาด เพราะได้รับแรงกดดันจากบอนด์ยิลด์ที่พุ่งขึ้น ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลง แต่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ยังคงแนะนำให้นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นโลก เนื่องจากเศรษฐกิจอาจชะลอตัวมากกว่าคาด และอาจนำไปสู่การปรับลดคาดการณ์ผลกำไรของตลาดหุ้น และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตราสารหนี้ โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีอัตราผลตอบแทน (บอนด์ยิลด์) ในระดับสูง มีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ต่ำ และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดตลาดหุ้นสหรัฐฯ จ่อปรับฐานในไตรมาส 4 รับ 2 ปัจจัย คือ 1. ราคาหุ้นแพง 2. ความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้ง แนะกระจายความเสี่ยงพอร์ตลงทุนไปยังตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนดีช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4/2567 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสปรับฐานจาก 2 ปัจจัยคือ 1. ราคาหุ้นแพง และรับข่าวธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปมากแล้ว 2. ความไม่
ทิสโก้เผย Fed ลดดอกเบี้ยมากกว่าคาด ชี้! ปีนี้อาจลดต่ออีก 0.5% และปี 68 ลงอีก 1 - 1.25%
—
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ชี้ ธนาคารกลาง...
ทิสโก้ย้ำ ซื้อบอนด์ ลดหุ้น เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน 4 -10% ใน 1 ปี
—
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ลงทุนทิสโก้ (TISCO ESU) ชี้ ลงทุนตราสารหนี้สหรัฐฯ อายุ ...
ทิสโก้แนะเพิ่มพอร์ต "ตราสารหนี้" รับยีลพุ่ง หนีเศรษฐกิจทรุด สภาพคล่องลด
—
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้แนะลูกค้าเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้ รับ...
กูรูทิสโก้ชี้ ตลาดหุ้นเสี่ยงปรับฐานอีก คาด Fed ขึ้นดอกเบี้ยต่อ - QT ฉุดสภาพคล่องลด
—
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ชี้ ตลาดหุ้นเสี่ยงปรับฐานลงอีก ...
กูรูทิสโก้ชี้ สภาพคล่องลด กดดันหุ้นทั่วโลกลงอีก 5-7% แนะจับตา Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง หลังเงินเฟ้อสูง - เศรษฐกิจแกร่ง
—
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุท...
ทิสโก้เตือน ! ระวังหุ้นโลกปรับฐาน สภาพคล่องและกำไร บจ. อาจลดลง - ราคาหุ้นสะท้อน Fed ลดดอกเบี้ยไปแล้ว
—
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ชี้ สภาพคล่อง...
ทิสโก้ฟันธง! ปัญหา SVB ไม่ลามเหมือนซับไพรม์ ฐานะการเงินแบงก์แกร่ง ธ.กลางมีประสบการณ์ และสภาพคล่องในระบบเยอะ
—
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ชี้ ปั...
ทิสโก้ชี้ Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยถึง 6% หยุดเงินเฟ้อ แนะหาจังหวะซื้อตราสารหนี้ระยะยาวสหรัฐฯ ล็อกผลตอบแทนสูง
—
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ชี้ธนาคาร...