'อัลฟาแคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส กรุ๊ป' ชูความเชี่ยวชาญทีมผู้บริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพกว่า 20 ปี ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO มุ่งสู่บริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับประเทศ

11 Sep 2023

'อัลฟาแคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส กรุ๊ป' ชูความเชี่ยวชาญทีมผู้บริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพกว่า 20 ปี ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO มุ่งสู่บริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับประเทศ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

'อัลฟาแคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส กรุ๊ป' ชูความเชี่ยวชาญทีมผู้บริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพกว่า 20 ปี ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO มุ่งสู่บริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับประเทศ

บริษัท อัลฟาแคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ("ACPG") หนึ่งในบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีหลักประกันจากภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยพิจารณาจากสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 โดยมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ยื่นไฟลิ่งเตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 1,041,230,000 หุ้น และเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มุ่งสู่การเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำของประเทศ พร้อมร่วมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย

นายไมเคิล บีแคว๊ท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลฟาแคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) และดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์อย่างครบวงจรเป็นธุรกิจหลักผ่านการดำเนินงานของบริษัทย่อย ได้แก่ ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ที่มีหลักประกัน โดยการรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินในประเทศไทย เช่น ธนาคารพาณิชย์ บริษัทบริหารสินทรัพย์อื่น และบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพด้วยการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้เพื่อหาข้อตกลงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกฝ่ายเท่าที่เป็นไปได้ โดยมุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันที่หลากหลายทั้งประเภทของสินทรัพย์และที่ตั้ง และ ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) โดยทรัพย์สินรอการขายส่วนใหญ่ของบริษัทฯ มาจากการประมูลซื้อหลักประกันสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากการขายทอดตลาด หรือการตีทรัพย์ชำระหนี้ของลูกหนี้ โดยจะคำนึงถึงคุณภาพของทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันและพิจารณาความต้องการของตลาด เพื่อให้จำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวได้ในมูลค่าที่เหมาะสม

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ "เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำและเป็นทางเลือกแรกสำหรับการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายแก่ลูกค้าและคู่ค้า ผ่านการให้บริการแบบครบวงจร ความสามารถและคุณภาพในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายอย่างดีที่สุด"

ปัจจุบัน บริษัทฯ ถือหุ้น 100% ในบริษัทย่อย 2 แห่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย (1) บริษัท บริหารสินทรัพย์ อัลฟาแคปปิตอล จำกัด (ALPHA) และ (2) บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไวร์เลส จำกัด (WAMC) ซึ่งจากรายงานการประเมินอุตสาหกรรม ณ เดือน สิงหาคม 2566 โดยบริษัท อิปซอสส์ จำกัด กลุ่มบริษัทฯ เป็นหนึ่งในบริษัทบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันจากภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยพิจารณาจากสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 โดยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ในประเทศ (ไม่รวมบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่เป็นรัฐวิสาหกิจและบริษัทบริหารสินทรัพย์ในเครือสถาบันการเงิน) ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 5,919.8 ล้านบาท และ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 6,350.6 ล้านบาท

"บริษัทฯ มีทีมผู้บริหารและบุคลากรที่สำคัญซึ่งเคยมีประสบการณ์การร่วมงานกับ Joint Venture ระหว่าง General Electric Capital และ Goldman Sachs อีกทั้งมีกระบวนการทำงานที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพในการจัดหา บริหารจัดการและสร้างกระแสเงินสดจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย ประกอบกับทีมผู้บริหารของบริษัทฯ ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งในและต่างประเทศกว่า 20 ปี โดยบริษัทฯ มุ่งก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับประเทศผ่านการให้บริการแบบครบวงจร เพื่อร่วมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเราเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนภายใต้หลักการประกอบธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสังคม " นายไมเคิล กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ล่าสุดได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 1,041,230,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 2 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 45.0% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ แบ่งเป็น (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 578,460,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 25.0% (2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Pacific Investment management (Mauritius) Limited ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 312,370,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 15.3% และ (3) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย 9 Basil Pte. Ltd. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 300,120,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 14.7% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้

โดยในเบื้องต้นบริษัทฯ คาดว่าจะนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ เพื่อใช้ลงทุนในพอร์ตโฟลิโอสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม รวมทั้งเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ ในอนาคตต่อไป