ใครนอนไม่หลับยกมือขึ้น!! แล้วเราเป็น "โรคนอนไม่หลับ" ใช่หรือเปล่า?

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

หากเราต้องใช้เวลาที่จะนอนนานกว่า 20 นาทีถึงจะหลับได้ ก็ถือว่าเริ่มเข้าข่ายเป็น "โรคนอนไม่หลับ" ที่สมัยนี้คนเป็นกันเยอะมาก ๆ โรคนอนไม่หลับ หรือ Insomnia คือภาวะที่ผู้ป่วยมีอาการนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท นอนหลับยาก อาการของโรคนอนไม่หลับอาจมีการแสดงออกที่หลากหลาย เช่น

ใครนอนไม่หลับยกมือขึ้น!! แล้วเราเป็น "โรคนอนไม่หลับ" ใช่หรือเปล่า?
  • นอนหลับยาก หรือนอนไม่หลับตั้งแต่ต้น
  • ตื่นขึ้นมาในช่วงกลางคืน และ/หรือตื่นเช้าเกินไป
  • หลับตื้น หลับไม่สนิท หลับแล้วตื่นบ่อย ๆ (Interrupted sleep)
  • ตื่นแล้วไม่สามารถนอนหลับได้อีก
  • ง่วงนอนในเวลากลางวัน แต่นอนไม่หลับในเวลากลางคืน เหล่านี้ เป็นต้น

แล้วคนเราควรนอนวันละกี่ชั่วโมง?

โดยปกติ คนเรามีชั่วโมงการนอนที่แตกต่างกันตามช่วงอายุ โดยจำนวนชั่วโมงที่เหมาะสมสำหรับการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอในแต่ละวัยเป็นดังนี้

เด็กแรกเกิด: 14-17 ชั่วโมงต่อวัน
อายุ 1 ปี: 14 ชั่วโมงต่อวัน
อายุ 2 ปี: 12-14 ชั่วโมงต่อวัน
อายุ 3-5 ปี: 10-13 ชั่วโมงต่อวัน
อายุ 6-13 ปี: 9-11 ชั่วโมงต่อวัน
อายุ 14-17 ปี: 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
ผู้ใหญ่: 7-9 ชั่วโมงต่อวัน

สำหรับผู้สูงอายุจะมีชั่วโมงการนอนที่สั้นลงได้ เพราะร่างกายสามารถผลิตสารที่ช่วยให้นอนหลับได้ลดน้อยลง

ทั้งนี้บุคคลแต่ละคนอาจมีจำนวนชั่วโมงการนอนที่มาก หรือน้อยกว่าค่าเฉลี่ยได้ วิธีการสังเกตอย่างง่ายว่าตนเองนอนเพียงพอ คือถ้ากลางวันรู้สึกสดชื่นดีไม่ง่วงเหงาหาวนอนนั่นคือร่างกายได้รับการนอนที่เพียงพอแล้ว

โรคนอนไม่หลับสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย แต่มักพบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และพบมากขึ้นในผู้สูงอายุ ซึ่งโรคนอนไม่หลับนี้อาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียสมรรถภาพในการทำงาน อ่อนเพลีย ขาดสมาธิ นอกอย่างไรก็ตามการนอนไม่หลับเรื้อรัง เป็นอาการที่ควรได้รับการประเมินและตรวจรักษาอย่างเหมาะสม เพราะอาจส่งผลเสียต่อการทำงาน ส่งผลต่อสุขภาพ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองตีบ และยังนำไปสู่ปัญหาทางอารมณ์ ความจำ และสมาธิ นอกจากนี้ การนอนไม่หลับยังอาจบ่งชี้ถึงโรคทางจิตเวชหลายชนิด

สาเหตุของการนอนไม่หลับ

อาการนอนไม่หลับอาจเกิดจากปัจจัยทางสุขภาพกายหรือทางจิตใจหลายอย่าง สาเหตุทางการแพทย์ที่พบบ่อย ได้แก่ ความเจ็บปวดทางกาย ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive sleep apnea) กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข (Restless Legs Syndrome) หรืออาจเกิดจากได้รับยาบางตัวที่มีผลข้างเคียงทำให้นอนไม่หลับเป็น เช่น ยาขยายหลอดลมสำหรับโรคหอบหืด ยาขับปัสสาวะ

ประมาณ 50% ของผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยอาการนอนไม่หลับ มีสาเหตุจากปัญหาทางจิตใจ เช่น โรคซึมเศร้า (Major depressive disorder) โรควิตกกังวล (Anxiety disorder) โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-compulsive disorder) โรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder) โรคเครียดภายหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (Post-traumatic stress disorder) หรืออาจเกิดจากความวิตกกังวล หรือความเครียดที่เข้ามากระทบในช่วงนั้น โดยสาเหตุที่ต่างกัน อาจทำให้ลักษณะการนอนไม่หลับแตกต่างกันไป นอกจากนี้การใช้ยานอนหลับเป็นเวลานานอาจส่งผลให้อาการนอนไม่หลับแย่ลง และเกิดการดื้อยาได้

แนวทางการดูแลตนเองเบื้องต้น เมื่อมีอาการนอนไม่หลับ

เมื่อมีอาการนอนไม่หลับ เบื้องต้นมีแนวทางการปฏิบัติเพื่อช่วยให้นอนหลับดีขึ้น ดังต่อไปนี้

  • เข้านอนเมื่อรู้สึกง่วง
  • หากนอนไม่หลับภายใน 15 ถึง 20 นาที อาจลุกจากเตียงเพื่อไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย แล้วจึงกลับมานอนอีกครั้ง
  • ใช้เตียงเพื่อการนอนเท่านั้น ไม่อ่านหนังสือ รับประทานอาหาร ดูทีวี หรือทำงานบนเตียง
  • เข้านอนและตื่นนอนเวลาเดิมทุกวัน
  • หลีกเลี่ยงการงีบหลับระหว่างวัน
  • จัดสภาพแวดล้องในห้องนอนไม่เหมาะสม เช่น มืดสนิท ไม่มีเสียงรบกวน หรืออาจมีดนตรีเบาๆ หรือเสียงที่ทำให้นอนหลับ เช่น White noise มีเตียงและหมอนที่นอนแล้วสบาย อุณหภูมิเหมาะสม ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป
  • ทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายในช่วงเย็นและก่อนเข้านอน เช่น อ่านหนังสืออ่านเล่น ฟังธรรมะ ฟังเพลง นั่งสมาธิ
  • หลีกเลี่ยงการใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ตต่าง ๆอน่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
  • หลีกเลี่ยงการอื่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้หลับไม่สนิท
  • ออกกำลังกายทุกวัน แต่เว้นช่วงเวลาก่อนเข้านอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
  • จัดการกับความเครียด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับ
  • อาหารบางชนิดมีสารที่ช่วยเรื่องการนอนได้ เช่น นม กล้วย โดยรับประทานก่อนนอนในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนจุกแน่นท้อง

อาการที่ควรปรึกษาแพทย์

  • มีปัญหาในการนอนหลับหรือหลับไม่สนิทเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน
  • ใช้ยานอนหลับนานกว่า 2 ถึง 4 สัปดาห์
  • การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย การทำงาน หรือการใช้ชีวิต

ข่าวo:editor+ไม่สนิทวันนี้

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เผยโครงการบำบัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยจุลสาหร่ายประสบผลสำเร็จ ล่าสุด เจโทร และ เจร่า ร่วมนำบริษัทชั้นนำจากญี่ปุ่น เยี่ยมชมโครงการฯ พร้อมต่อยอดนวัตกรรม สร้างความร่วมมือเชิงพาณิชย์

นายยุทธนา เจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด (BLCP) กล่าวถึงเป้าหมายการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตไฟฟ้า และ ความคืบหน้าโครงการวิจัยนวัตกรรมจุลสาหร่ายเพื่อบำบัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศว่า โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีนอกจากจะมีภารกิจหลักในการผลิตไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)

โรงแรม Garner Hotel Pattaya Central เปิดใ... Garner by IHG เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ — โรงแรม Garner Hotel Pattaya Central เปิดให้บริการในย่านพัทยากลาง หนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญ...

บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มห... TGE คว้าเรตติ้ง ESG ระดับ A จาก SET ปี 2568 ตอกย้ำผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาดที่เติบโตอย่างยั่งยืน — บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE ได...

กรุงศรี โดย นางสาวนิลวรรณ จีระบุญ ประธานค... Krungsri One Payment คว้ารางวัลระดับโลกด้านนวัตกรรมการชำระเงินองค์กร — กรุงศรี โดย นางสาวนิลวรรณ จีระบุญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกรรมการเงิน ธนาคารกรุง...

Krungsri, represented by Ms. Ninlawan Jee... "Krungsri One Payment" Wins Outstanding Innovation in Corporate Payments at Global Level — Krungsri, represented by Ms. Ninlawan Jeeraboon, Krungsri Head ...