มิชลิน ประกาศเข้าซื้อกิจการ Flex Composite Group เพื่อสร้างผู้นำด้านฟิล์มและสิ่งทอไฮเทค

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

  • การเข้าซื้อกิจการเพื่อสร้างผู้นำด้านฟิล์มและสิ่งทอไฮเทค (High-Tech Engineered Fabrics and Films) ครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้ธุรกิจวัสดุไฮเทคของมิชลินมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 20%
  • ทั้งยังถือเป็นก้าวสำคัญของมิชลินในการรุกเข้าสู่ธุรกิจอื่นนอกเหนือจากการสัญจรและแสดงจุดยืนในฐานะผู้มีบทบาทหลักด้านโซลูชั่นพอลิเมอร์คอมโพสิต (Polymer Composite Solutions) ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ Michelin in Motion เพื่อการเติบโตสู่ปี 2573
  • ตลอดจนยกระดับศักยภาพที่โดดเด่นของทั้งสองบริษัทเพื่อเสริมสร้างพลังร่วมในการคิดค้นนวัตกรรมเชิงลึก (Deep Innovation) ที่มีความหลากหลายทั้งในแง่ผลิตภัณฑ์และการนำไปใช้งาน
  • นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนการเติบโตของมิชลิน โดยจะทำให้อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT Margin) ของกลุ่มมิชลินและธุรกิจผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง (Specialty Segment) เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนก่อให้เกิดเงินสดเชิงบวกและส่งผลต่อกำไรต่อหุ้น (EPS)
  • การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ใช้เงินทุนจากเงินสดที่มีอยู่ โดยยังคงสถานะทางการเงินของมิชลินที่แข็งแกร่งเอาไว้
  • คาดว่าจะสามารถปิดการซื้อขายกิจการครั้งนี้ได้ภายในปลายไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

เมื่อเร็วๆ นี้ มิชลิน และ IDI บริษัทหลักทรัพย์เอกชนสัญชาติฝรั่งเศส ได้ประกาศการบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการที่มิชลินจะเข้าซื้อกิจการ 100% ใน Flex Composite Group (FCG) ตามมูลค่าสุทธิของกิจการซึ่งอยู่ที่ 700 ล้านยูโร (ราว 26,600 ล้านบาท)

มิชลิน ประกาศเข้าซื้อกิจการ Flex Composite Group เพื่อสร้างผู้นำด้านฟิล์มและสิ่งทอไฮเทค

อนึ่ง Flex Composition Group หรือ FCG เป็นผู้นำสัญชาติยุโรปด้านสิ่งทอและฟิล์มที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อการนำไปใช้งานในตลาดเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ การเดินเรือ, รถซูเปอร์คาร์และยานยนต์ไฟฟ้า, การกีฬา หรือการก่อสร้าง โดย FCG มีความเชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นพอลิเมอร์คอมโพสิตหลากหลายรูปแบบในแนวทางเดียวกับที่มิชลินได้พัฒนาขึ้น บริษัทฯ มีพนักงาน 400 คน การดำเนินงานหลักๆ อยู่ในตลาดที่เติบโตรวดเร็วและมีความต้องการไม่หยุดนิ่งของภาคพื้นยุโรป โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ ยอดรายได้ของ FCG ในปี 2565 อยู่ที่ 202 ล้านยูโร (ราว 7,678 ล้านบาท) ระหว่างปี 2558-2565 บริษัทฯ เติบโตจากการดำเนินงานภายในองค์กร (Organic Growth) เฉลี่ยอยู่ที่ 11% โดยมีอัตราส่วนที่บ่งบอกถึงความสามารถในการทำกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) อยู่ระหว่าง 25-30% มิชลิน ประกาศเข้าซื้อกิจการ Flex Composite Group เพื่อสร้างผู้นำด้านฟิล์มและสิ่งทอไฮเทค

ข้อตกลงครั้งนี้จะส่งผลให้มิชลินและ FCG สามารถสร้างผู้นำด้านสิ่งทอและฟิล์มไฮเทค โดยการเข้าซื้อกิจการไม่เพียงสอดคล้องกับกลยุทธ์ Michelin in Motion เพื่อการเติบโตสู่ปี 2573 แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของมิชลินในการขยายขอบเขตการเติบโตของธุรกิจด้านพอลิเมอร์คอมโพสิต, ยกระดับนวัตกรรมและศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนได้ประโยชน์จากความใกล้ชิดกับลูกค้าและความเชี่ยวชาญด้านกระบวนการทางอุตสาหกรรมของ FCG

การซื้อขายกิจการครั้งนี้จะสร้างพลังร่วมในการคิดค้นนวัตกรรมเชิงลึก (Deep Innovation) ที่มีความหลากหลายทั้งในแง่ผลิตภัณฑ์และการนำไปใช้งาน ขณะเดียวกันยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของ FCG

นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการ FCG จะช่วยให้ธุรกิจวัสดุไฮเทคของมิชลินมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 20% และส่งผลให้ธุรกิจนี้เติบโตได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังจะทำให้อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT Margin) ของกลุ่มมิชลินและธุรกิจผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง (Specialty Segment) เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนก่อให้เกิดเงินสดเชิงบวกและส่งผลต่อกำไรต่อหุ้น (EPS)

ฟลอรองต์ เมอเนโกซ์ (Florent Menegaux) ประธานกรรมการบริหารกลุ่มมิชลิน เปิดเผยว่า "เรายินดีอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับทีมงานของ FCG เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มมิชลิน…เพื่อสร้างผู้นำที่โดดเด่นในด้านสิ่งทอและฟิล์มไฮเทค การซื้อขายกิจการครั้งนี้เป็นการผสานจุดเด่นที่ดีที่สุดของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชี่ยวชาญที่ต่างมีร่วมกันในเรื่องโซลูชั่นพอลิเมอร์คอมโพสิต เรามุ่งสร้างพลังร่วมเพื่อก้าวข้ามขอบเขตเดิมๆ สู่การคิดค้นนวัตกรรมเชิงลึก (Deep Innovation) ที่มีความหลากหลายทั้งในแง่ผลิตภัณฑ์และการนำไปใช้งาน การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญเชิงกลยุทธ์ที่จะกำหนดจุดยืนของกลุ่มมิชลินในฐานะผู้มีบทบาทหลักด้านโซลูชั่นพอลิเมอร์คอมโพสิต ซึ่งเป็นธุรกิจที่อยู่นอกเหนือภาคการสัญจร"

เอ็มมานูเอล คาปริกลิโอเน (Emmanuel Capriglione) ผู้จัดการทั่วไปของ FCG กล่าวว่า "ธุรกิจของFCG เติบโตอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากปัจจัยหลักหลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ ความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นในด้านวัสดุและฟิล์มคอมโพสิต, ศักยภาพด้านนวัตกรรมและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยการเข้ามาของมิชลินช่วยส่งเสริมให้ FCG สามารถต่อยอดศักยภาพด้านนวัตกรรมของตนเอง ตลอดจนปรับปรุงประสิทธิภาพการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนำเสนอวัสดุที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าได้มากขึ้น"

การซื้อขายกิจการครั้งนี้เป็นการชำระด้วยเงินสด โดยแม้จะใช้เงินทุนจากเงินสดที่มีอยู่ แต่ยังคงสถานะทางการเงินของมิชลินที่แข็งแกร่งเอาไว้ เป็นที่คาดว่าจะสามารถปิดการซื้อขายกิจการครั้งนี้ได้ภายในปลายไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนตามการแล้วเสร็จของเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อการได้มาซึ่งหุ้นทั้งหมด (Customary Closing Adjustment) และการควบคุมการควบรวมกิจการ (Merger Control Clearances) ในพื้นที่ดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง


ข่าวเสริมสร้าง+พอลิเมอร์วันนี้

MSC ร่วมกับ IBM Thailand จัดสัมมนา "The Future of IBM Power" เปิดตัว IBM Power 11 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MSC ร่วมกับ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด จัดงานสัมมนา "The Future of IBM Power" เมื่อวันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม 2568 ณ ห้อง Vimarn Ballroom ชั้น 2 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เพื่อขยายผลและเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีล่าสุดจาก IBM ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ IBM Power 11 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 "IBM" ได้ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยี "IBM Power 11" ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ทั่วโลกจับตามอง และในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธ... สบส. จัดประชุมเสริมศักยภาพคณะกรรมการชมรม อสม. แห่งประเทศไทย ปี 2568 — กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนภาร...