ข้อสรุปสำคัญ
- ผลจากการตรวจเลือดด้วยการเจาะปลายนิ้วมีแนวโน้มที่มีศักยภาพ และอาจช่วยในการตรวจหาอัลไซเมอร์ที่บ้านหรือในสถานดำเนินงานของแพทย์
- การตรวจเลือดมีความแม่นยำสูงกว่า 80% ในการระบุการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์ ซึ่งสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับแพทย์ที่ไม่มีการเข้าถึงผลตรวจเลือดในการศึกษา
- การตรวจเลือดเพื่อหาอัลไซเมอร์อาจเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยและการรักษา
การตรวจเลือดด้วยการเจาะปลายนิ้วที่ทำได้ง่าย ซึ่งแทบไม่ต่างจากที่ผู้เป็นเบาหวานทำในทุกวัน แสดงแนวโน้มที่มีศักยภาพในแง่ของการสามารถตรวจหาโรคอัลไซเมอร์ ตามที่แสดงโดยงานวิจัยที่รายงานเป็นครั้งแรกในวันนี้ในการประชุมนานาชาติของสมาคมอัลไซเมอร์ (Alzheimer's Association International Conference(R) หรือ AAIC(R)) ประจำปี 2566 ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ และทางออนไลน์
ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีและการปฏิบัติที่รายงานเป็นครั้งแรกในการประชุม AAIC ประจำปี 2566 แสดงความเรียบง่าย ความสามารถในการเคลื่อนย้าย และคุณค่าด้านการวินิจฉัยของตัวบ่งชี้ทางชีวภาพในโลหิตสำหรับอัลไซเมอร์ รวมถึงแนวโน้มศักยภาพในอนาคตของการตรวจที่บ้านโดยผู้ป่วยหรือสมาชิกในครอบครัว
"ข้อค้นพบเหล่านี้มาถูกจังหวะเวลาและมีความสำคัญ ในขณะที่เพิ่งมีการอนุมัติยารักษาอัลไซเมอร์ที่มุ่งเป้าแอมีลอยด์-เบตา (amyloid-beta) โดยองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (U.S. Food and Drug Administration) ซึ่งการยืนยันการสะสมของแอมีลอยด์และการติดตามเฝ้าสังเกตตัวบ่งชี้ทางชีวภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรับการรักษา" ดร.มาเรีย ซี คาร์ริลโล (Maria C. Carrillo) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ของสมาคมอัลไซเมอร์ กล่าว "การตรวจเลือด เมื่อได้รับการตรวจสอบรับรองแล้ว จะมอบตัวเลือกที่รวดเร็ว ไม่ต้องมีการล่วงล้ำเข้าสู่ร่างกาย และคุ้มค่าต้นทุน"
มีการใช้การตรวจเลือดอยู่แล้วในการศึกษาทดลองยาอัลไซเมอร์เพื่อตรวจสอบประสิทธิผลเพิ่มเติมและเพื่อคัดกรองผู้มีศักยภาพที่จะเข้ารับการวิจัย การตรวจเลือดจะเป็นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากวิธีการที่มีราคาแพงและต้องมีการล่วงล้ำเข้าสู่ร่างกายมากกว่า ซึ่งเป็นวิถีปฏิบัติทั่วไปในปัจจุบัน ในบางกรณี การตรวจเลือดเหล่านี้มอบข้อมูลที่ใกล้เคียงกับการตรวจที่ถือเป็น "วิธีมาตรฐานที่ดีที่สุด" อย่างการตรวจการสร้างภาพสมองและการวิเคราะห์น้ำไขสันหลัง
"แม้ว่ายังต้องมีการทำให้เป็นมาตรฐานและการตรวจสอบเพิ่มเติม ในเร็ว ๆ นี้การตรวจเลือดอาจจะเป็นส่วนสำคัญของการตรวจวินิจฉัยในการปฏิบัติทั่วไป สำหรับการตรวจหาและการติดตามเฝ้าระวังในการรักษาโรคอัลไซเมอร์" ดร.คาร์ริลโล กล่าว
ตัวอย่างเลือดจากการเจาะปลายนิ้วตรวจพบตัวบ่งชี้ทางชีวภาพของโรคอัลไซเมอร์ และเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศได้ง่าย ดร.แฮนนาห์ ฮิวเบอร์ (Hanna Huber) จากแผนกจิตเวชและประสาทชีวเคมี สถาบันประสาทวิทยาศาสตร์และสรีรวิทยา มหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก (Gothenburg) ประเทศสวีเดน และเพื่อนร่วมงาน มุ่งเพิ่มการเข้าถึงการตรวจเลือดและทำให้ดำเนินการได้ง่าย ด้วยการพัฒนาการเก็บเลือดจากการเจาะปลายนิ้วเพื่อวัดตัวบ่งชี้ทางชีวภาพหลักที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ ได้แก่ โปรตีนนิวโรฟิลาเมน ไลท์ (neurofilament light หรือ NfL) โปรตีนไกลอัล ฟิบริลลารี เอซิดิก (glial fibrillary acidic protein หรือ GFAP) และโปรตีนเทาที่มีปฏิกิริยาฟอสฟอรีเลชัน (phosphorylated tau) (p-tau181 และ p-tau217)
คณะผู้วิจัยได้เก็บเลือด (จากทั้งหลอดเลือดดำและการเจาะปลายนิ้ว) จากผู้ป่วยคลินิกความจำ 77 คนจากศูนย์อัลไซเมอร์ เอซีอี (ACE Alzheimer Center) ในบาร์เซโลนา มีการถ่ายตัวอย่างเลือดลงบนกระดาษหยดเลือดแห้ง และขนส่งข้ามคืนโดยไม่มีการควบคุมอุณหภูมิหรือการทำความเย็น ไปยังมหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์กในสวีเดน ที่ซึ่งตัวอย่างเลือดแห้งถูกสกัดจากกระดาษหยดเลือด และมีการวัด NfL, GFAP และ p-tau181 และ p-tau217 (หมายเหตุ: ข้อมูล p-tau217 มีเฉพาะใน 11 ราย) โดยทั้งหมดนี้ตรวจพบได้ในตัวอย่างจากการเจาะปลายนิ้ว
ในหยดเลือดจากหลอดเลือดดำ ระดับของ GFAP, NfL, p-tau217 และ p-tau181 สัมพันธ์อย่างยิ่งกับการวิเคราะห์เลือดตามมาตรฐาน ส่วน GFAP, NfL และ p-tau217 ที่สกัดจากเลือดจากการเจาะปลายนิ้วสัมพันธ์ในระดับสูงกับการเก็บเลือดตามมาตรฐานเช่นกัน
"การศึกษานำร่องของเราแสดงศักยภาพของการเก็บและวัดตัวบ่งชี้ทางชีวภาพของอัลไซเมอร์จากทางไกล โดยไม่มีการจัดเก็บแบบอุณหภูมิต่ำ หรือการตระเตรียมหรือดำเนินการเป็นพิเศษ" ดร.ฮิวเบอร์ กล่าว "ปัจจุบันการใช้การตรวจเลือดสำหรับอัลไซเมอร์มีข้อจำกัดคือต้องไปยังคลินิก ต้องดำเนินการโดยบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรม ตลอดจนต้องใช้กระบวนการขนส่งและการจัดเก็บที่จำกัดเวลาและขึ้นกับอุณหภูมิ วิธีที่ทำให้สามารถเก็บเลือดที่บ้านได้และที่เรียบง่ายพอที่จะทำได้อย่างอิสระ หรือทำได้โดยผู้ดูแล จะเพิ่มการเข้าถึงการตรวจเหล่านี้ โดยจะส่งผลเป็นการวินิจฉัยแต่เนิ่นที่ดีขึ้นและการเฝ้าสังเกตที่ดีขึ้นสำหรับผู้ป่วยที่ถือว่า 'มีความเสี่ยง' หรือผู้ที่กำลังรับการรักษาที่ได้รับการอนุมัติแล้ว"
การตรวจเลือดอาจจะยกระดับการวินิจฉัยในการดูแลขั้นปฐมภูมิ ดร. นพ. เซบาสเตียน ปาล์มควิสต์ (Sebastian Palmqvist) จากหน่วยวิจัยความจำทางคลินิกที่มหาวิทยาลัยลุนด์ (Lund University) ในสวีเดน และเพื่อนร่วมงาน ในการศึกษาวิจัยไบโอไฟน์เดอร์-ไพรมารี แคร์ (BioFINDER-Primary Care) ได้ดำเนินการศึกษาเป็นครั้งแรกที่สำรวจการใช้ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพในโลหิตเพื่อหาอัลไซเมอร์ในการดูแลขั้นปฐมภูมิ และเปรียบเทียบกับความแม่นยำในการวินิจฉัยของแพทย์ปฐมภูมิ (PCP)
การศึกษาวิจัยดังกล่าวนี้คัดเลือกผู้ป่วยวัยกลางคนจนถึงสูงวัย 307 คนในศูนย์บริการขั้นปฐมภูมิ 17 แห่งในสวีเดน (อายุเฉลี่ย = 76 ปี และ 48% เป็นผู้หญิง) หลังจากการเข้าตรวจที่สถานดำเนินงาน การตรวจการรู้คิด และการตรวจซีทีสแกน (CT scan) หรือเอ็มอาร์ไอ (MRI) สมอง แพทย์ปฐมภูมิได้บันทึกการวินิจฉัย สาเหตุทางชีวภาพที่มีแนวโน้ม และเสนอแผนการรักษาสำหรับผู้เข้ารับการวิจัยแต่ละคน
ในขณะเดียวกัน มีการเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดเพื่อระบุความเข้มข้นของเบตา-แอมีลอยด์และโปรตีนเทาที่มีปฏิกิริยาฟอสฟอรีเลชันโดยใช้การตรวจพรีซิวิตีเอดี2 (PrecivityAD2) โดยซีทูเอ็น ไดแอกโนสติกส์ (C2N Diagnostics) (จากสหรัฐฯ) และนำระดับของตัวบ่งชี้ทั้งสองชนิดไปคำนวณรวมเป็นคะแนน เรียกว่าคะแนนความน่าจะเป็นของแอมีลอยด์ 2 (Amyloid Probability Score 2 หรือ APS2) จากนั้นผู้ป่วยทั้งหมดเข้ารับการตรวจทางคลินิกอย่างละเอียดที่คลินิกความจำเฉพาะทาง รวมถึงการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ทราบผลตัวอย่างเลือด
แพทย์ปฐมภูมิระบุการมีอยู่ของการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์ได้อย่างถูกต้องหรือวินิจฉัยอัลไซเมอร์ได้อย่างถูกต้องในราว 55% ของกรณีทั้งหมด ขณะที่การตรวจเลือดมีผลถูกต้องในมากกว่า 85% ของกรณีทั้งหมด ข้อค้นพบอื่น ๆ มีดังนี้
- แพทย์ปฐมภูมิระบุว่าความแน่ใจของตนเกี่ยวกับการวินิจฉัยมีน้อยกว่า 50%
- แผนการรักษาเผยว่า เนื่องจากการวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้อง กว่า 50% ของผู้ที่เป็นอัลไซเมอร์จริงไม่ได้รับการรักษาตามอาการ และ 30% ของกรณีที่ไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์ได้รับการรักษาตามอาการอย่างไม่ถูกต้อง
"เนื่องจากขาดเครื่องมือการวินิจฉัยที่แม่นยำ ปัจจุบันจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับแพทย์ปฐมภูมิที่จะระบุการเป็นโรคอัลไซเมอร์ แม้แต่ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะการรู้คิดบกพร่อง" ดร.ปาล์มควิสต์ กล่าว "เช่นนี้ทำให้เกิดความไม่แน่ใจในการวินิจฉัยและการรักษาที่ไม่เหมาะสมอยู่บ่อยครั้ง การตรวจเลือดเพื่อหาโรคอัลไซเมอร์มีศักยภาพสูงสำหรับการเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องสำหรับผู้ที่เป็นอัลไซเมอร์ การตรวจเหล่านี้อาจมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ยาใหม่ ๆ ที่ชะลอโรคอัลไซเมอร์ในระยะแรกเริ่มมีอยู่อย่างแพร่หลายมากขึ้น"
เกี่ยวกับการประชุมนานาชาติของสมาคมอัลไซเมอร์  (AAIC(R))
การประชุมนานาชาติของสมาคมโรคอัลไซเมอร์ (AAIC) เป็นการประชุมเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยของสมาคมโรคอัลไซเมอร์ โดยนักวิจัยจากทั่วโลกจะมารวมตัวกันเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับโรคสมองเสื่อม รวมถึงให้การสนับสนุนชุมชนนักวิจัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
โฮมเพจของ AAIC 2023: www.alz.org/aaic/ ห้องข่าวของ AAIC 2023: www.alz.org/aaic/pressroom.asp
แฮชแท็ก AAIC 2023: #AAIC23
                                                                                                                            
เกี่ยวกับสมาคมอัลไซเมอร์ สมาคมอัลไซเมอร์ (Alzheimer's Association) เป็นองค์กรสุขภาพระดับโลกที่อาสาทุ่มเทเพื่อการดูแล การสนับสนุน และการวิจัยเกี่ยวกับอัลไซเมอร์ ภารกิจของเราคือการกำจัดโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมอื่น ๆ ให้หมดไป ด้วยการส่งเสริมการวิจัยระดับโลก การลดความเสี่ยงของการเกิดโรค การวินิจฉัยโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ ตลอดจนการยกระดับคุณภาพการดูแลรักษาและการสนับสนุน เพื่อทำให้โลกของเราปราศจากโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมอื่น ๆ ทั้งหมด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ alz.org หรือโทร 800.272.3900
- ดร.แฮนนาห์ ฮิวเบอร์ และคณะ วิธีการเก็บด้วยการเจาะปลายนิ้วสำหรับการตรวจหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพในเลือดสำหรับการเสื่อมของประสาท - การศึกษานำร่อง (A finger prick collection method for detecting blood biomarkers of neurodegeneration - a pilot study) (DROP-AD) (ผู้ให้ทุน: อัลไซเมอร์ฟอนเดน (Alzheimerfonden))
- ดร. นพ. เซบาสเตียน ปาล์มควิสต์ และคณะ ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพในโลหิตเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์เมื่อเทียบกับมาตรฐานการวินิจฉัยในปัจจุบันในบริบทการดูแลขั้นปฐมภูมิ (Blood Biomarkers Improve The Diagnostic Accuracy Of Alzheimer's Disease As Compared With Current Diagnostic Standard In the Primary Care Setting) (ผู้ให้ทุน: สมาคมอัลไซเมอร์, สภาวิจัยสวีเดน (Swedish Research Council), มูลนิธิสมองสวีเดน (Brain Foundation), มูลนิธิอัลไซเมอร์สวีเดน (Swedish Alzheimer's Foundation))
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/2155087/AAIC23_Logo.jpg
 ศัลยแพทย์ปลูกผมไทย สร้างชื่อบนเวทีจีน เปิดทางดึงลูกค้าต่างชาติเข้าไทย หนุนเศรษฐกิจสุขภาพโต
                            ศัลยแพทย์ปลูกผมไทย สร้างชื่อบนเวทีจีน เปิดทางดึงลูกค้าต่างชาติเข้าไทย หนุนเศรษฐกิจสุขภาพโต
                         PLUS ยกทัพสินค้าไทย ร่วมงาน Fine Food Australia Sydney 2025 ตอกย้ำศักยภาพแบรนด์ไทย พร้อมรุกตลาดออสเตรเลียและโอเชียเนีย
                            PLUS ยกทัพสินค้าไทย ร่วมงาน Fine Food Australia Sydney 2025 ตอกย้ำศักยภาพแบรนด์ไทย พร้อมรุกตลาดออสเตรเลียและโอเชียเนีย
                         มจธ. ยกทัพงานวิจัยโชว์นวัตกรรมพลังงานยั่งยืนระดับเอเชีย ในงาน ASEW 2025
                            มจธ. ยกทัพงานวิจัยโชว์นวัตกรรมพลังงานยั่งยืนระดับเอเชีย ในงาน ASEW 2025
                         สทนช. ขับเคลื่อนบทบาทไทยบนเวทีนานาชาติ ร่วมผลักดันการอนุรักษ์ธารน้ำแข็งและความมั่นคงด้านน้ำ
                            สทนช. ขับเคลื่อนบทบาทไทยบนเวทีนานาชาติ ร่วมผลักดันการอนุรักษ์ธารน้ำแข็งและความมั่นคงด้านน้ำ