ฮือฮา!!เผยผลวิจัยสมุนไพรไทย ยับยั้งและป้องกันติดเชื้อไวรัส โควิด 19 สูง ถึง 90% และยับยั้งมะเร็ง เตรียมขึ้นทะเบียน พร้อมผลักดันเป็น Soft Power ก้าวสู่ระดับนานาชาติ !!

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ที่โรงแรมมิราเคิล กรุงเทพ สถาบันเวชศาสตร์สมุฏฐาน เปิดประชุมเชิงวิชาการ เรื่อง "การวิจัยและพัฒนาสมุนไพรไทย เพื่อก้าวสู่ระดับนานาชาติ" โดยได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรของสหประชาชาติ และทีมวิจัยได้นำเสนอผลงานการวิจัยที่สำคัญของตำรับยาสมุนไพร "เคอร่า" ซึ่งผลการทดสอบสมุนไพรตำรับเคอร่าในห้องปฏิบัติการชีวเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของยาเคอร่าในหลายด้าน พบฤทธิ์ในการยับยั้งไวรัสชนิดต่าง ๆ กว้างขวาง ฤทธิ์ป้องกันไวรัสเข้าสู่เซลล์ ฤทธิ์ต้านการอักเสบ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ฤทธิ์ทำให้เซลล์มะเร็งตาย

ฮือฮา!!เผยผลวิจัยสมุนไพรไทย ยับยั้งและป้องกันติดเชื้อไวรัส โควิด 19 สูง ถึง 90% และยับยั้งมะเร็ง เตรียมขึ้นทะเบียน พร้อมผลักดันเป็น Soft Power ก้าวสู่ระดับนานาชาติ !!

รศ.ดร.เกียรติทวี ชูวงศ์กมล ภาควิชาชีวเคมี ม.เกษตรศาสตร์ ยังเปิดเผยถึงในด้านการยับยั้งไวรัส พบประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนา(SARS-CoV-2) โดยกลไกการยับยั้งเอนไซม์ขยายตัวไวรัส main protease ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าฟ้าทะลายโจรถึง 600 เท่า สูงกว่ายา Ritronavir 500 เท่า รวมทั้งยับยั้งกลไกการขยายตัวเชื้อไวรัสโคโรนา ชนิด RdRp ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ายา Favipiravir นอกจากนี้ พบฤทธิ์ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาเข้าสู่เซลล์ โดยพบว่ายาเคอร่าสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อโดยกลไกการป้องกันไวรัสเข้าสู่เซลล์ โดยที่ความเข้มข้น 0.5 mg./ml. สามารถป้องกันไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ถึง 90% ซึ่งมีศักยภาพที่น่าจะทำการศึกษาต่อไป ฮือฮา!!เผยผลวิจัยสมุนไพรไทย ยับยั้งและป้องกันติดเชื้อไวรัส โควิด 19 สูง ถึง 90% และยับยั้งมะเร็ง เตรียมขึ้นทะเบียน พร้อมผลักดันเป็น Soft Power ก้าวสู่ระดับนานาชาติ !!

และยังพบประสิทธิภาพการยับยั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A ไวรัสไข้เลือดออก ไวรัสเอดส์ HIV ไวรัสเริม ซึ่งเป็นสาเหตุที่สำคัญของมะเร็งปากมดลูก รวมทั้งไวรัสที่ระบาดในสัตว์ คือ FIP ในแมวและไวรัสเอดส์แมว FIV ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องเหมือนกับโรคเอดส์ในมนุษย์

นอกจากนี้ยังพบฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ โดยกลไกการยับยั้งไซโตไคน์ที่ก่อการอักเสบ คือ IL-1b, IL-6 และ TNF-alpha ซึ่งไซโตไคน์เหล่านี้มีผลทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบในผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เรียกว่า พายุไซโตไคน์ รวมถึงมีผลต่อภาวะการอักเสบในร่างกายของผู้ป่วยหลายโรค เช่น SLE, รูห์มาตอยด์ ขณะดียวกันยังพบฤทธิ์การลดความดันโลหิต โดยการยับยั้งเอนไซม์ ACE

ผลวิจัยยังพบว่า เคอร่า มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง โดยการยับยั้งโปรตีน EGFR ที่เกี่ยวข้องกับส่งเสริมการเจริญเติบโตและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งทางเดินปัสสาวะ มะเร็งปอด,มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม โดยพบว่ายาเคอร่าที่ความเข้มข้น 100 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร มีประสิทธิภาพการยับยั้งโปรตีน EGFR ได้เทียบเท่ายา Erlotinib ซึ่งเป็นยารักษามะเร็งแบบมุ่งเป้าที่ความเข้มข้น 1ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร และพบฤทธิ์ในการกระตุ้นโปรตีนชนิด P53 หรือ tumor protein 53 ซึ่งเป็น transcription factor ที่ควบคุมวงรอบของเซลล์ และยังมีหน้าที่ยับยั้งCaspaseเนื้องอกด้วย ทำให้ p53 มีความสำคัญในการยับยั้งมะเร็งของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์

นอกจากนั้นพบฤทธิ์การทำให้เซลล์มะเร็งตายเองแบบ Apoptosis โดยกลไกการกระตุ้นโมเลกุลสวิทช์ที่ชื่อว่า -8 และ Caspase-9 ซึ่งเป็นสวิตช์ระดับโมเลกุลสำหรับการตาย โดยความเข้มข้นที่สามารถทำให้เซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิด HCT116 ตายครึ่งหนึ่งคือ 73 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งเป็นค่าความเข้มข้นที่นับว่ามีประสิทธิภาพและน่าสนใจสำหรับการวิจัยพัฒนาเป็นตำรับสมุนไพรสำหรับโรคมะเร็งต่อไป

ขณะที่ ผศ.ดร.สุริยัน สุขติ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์และคณะ เปิดเผยผลวิจัยความปลอดภัยจากการรับประทานยาแคปซูลเคอร่าในอาสาสมัคร พบว่า การรับประทานยาเคอร่า 8 แคปซูลต่อวัน (4,000) มก.ต่อวัน เป็นเวลา 14 วันติดต่อกัน มีความปลอดภัย โดยเมื่อเปรียบเทียบผลการตรวจเลือดการทำงานของตับ ไต ค่าเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว ค่าโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ คือ CRP (C-reactive protein) และค่าการตกตะกอนของเม็ดเลือดแดง

ด้าน ดร.ภก.พยงค์ เทพอักษร และคณะ เปิดเผยถึงผลวิจัยเปรียบเทียบการได้รับยาผู้ติดเชื้อเชื้อโควิด-19 ด้วยสมุนไพรตำรับเคอร่า เปรียบเทียบกับ ฟ้าทะลายโจร และการได้รับวัคซีน กลุ่มตัวอย่าง 2,157 คน แบ่ง 3 กลุ่มคือ พบว่า กลุ่มผู้ติดเชื้อที่รับประทานยาฟ้าทะลายโจร และรับวัคซีนมีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าผู้ที่รับประทานเคอร่า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.01)

ด้านนายแพทย์รังสรรค์ บุตรชา ผอ.รพ. ประชาธิปัตย์ และคณะ เผยถึงกลุ่มตัวอย่างผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มารักษา 230 คน โดยแบ่ง 2 กลุ่ม รับประทานยาเคอร่า และรับประทานยาโมลนูพิราเวียร์ พบว่าทั้งสองกลุ่มมีอาการดีขึ้น สมุนไพรตำรับเคอร่า มีประสิทธิภาพการรักษาไม่แตกต่างกัน

ตอกย้ำ ดร.สุวรรณี สร้อยสงค์ และคณะ ศึกษาในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ติดเชื้อโรค โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า โดยทำการศึกษาย้อนหลัง จากกลุ่มผู้ติดเชื้อเข้าข่ายโรคโควิด-19 ในจังหวัดปทุมธานี ที่ได้รับสมุนไพรตำรับเคอร่า จำนวน 2,510 คน ผลการศึกษาพบว่า ภายหลังจากที่ได้รับสมุนไพรตำรับเคอร่าพบอาการภายใน 7 วัน คิดเป็นร้อยละ 67 โดยในระหว่างการรักษาไม่พบว่ามีอาการลุกลามเพิ่มขึ้น ไม่มีการใช้เครื่องช่วยหายใจ ไม่มีผลข้างเคียงที่สำคัญ ไม่มีการส่งผู้ป่วยต่อ และไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 หลังจากได้รับประทานยาสมุนไพรตำรับเคอร่า

สำหรับข้อมูลเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและประสิทธิผลการใช้สมุนไพรเคอร่ากับยาฟาวิพิราเวียร์ ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด-19 โดย ดร.ผุสดี สระทอง และคณะ จากวิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า เพชรบุรี เปิดเผยกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรค โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ที่เข้ารับการรักษาในเครือข่ายโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ จังหวัดปทุมธานี และองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี จำนวน 4,399 คน ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 2,838 คน ใช้สมุนไพรตำรับเคอร่า จำนวน 2,510 คน พบว่ามีผู้ที่รับยาฟาวิพิราเวียร์เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลประชาธิปัตย์และโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ จำนวน 2,799 คน มีเหนื่อยต้องให้ออกซิเจนออกซิเจนจำนวน 77 คนในขณะที่ผู้ที่ใช้สมุนไพรตำรับเคอร่ารับยาและพักรักษาตัวที่บ้านไม่พบผู้ส่งต่อที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายในการรักษา พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 19,784.14 บาท ส่วนสมุนไพรตำรับเคอร่ามีค่าใช้จ่าย เฉลี่ยคนละ 750 บาท

ดร.ภัทร์ หนังสือ ประธานสถาบันเวชศาสตร์สมุฏฐาน เปิดเผย ว่าปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ เคอร่าได้รับการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานอาหารและยา เลขที่ทะเบียน G 40/57 เป็นยาแก้ไข้ แต่ด้วยสรรพคุณที่มากมายเนื้อกว่าแค่ยาแก้ไข้ ซึ่งได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้ชำนาญการ และผลงานด้านวิจัยที่ได้นำมาบอกกล่าวในงานประชุมวิชาการครั้งนี้ สมุนไพรไทยตำรับเคอร่าจึงเหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศไทยในการพัฒนาเป็นหนึ่งใน SolfPower ที่จะสร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

ทั้งนี้ผลการวิจัยทั้งหมดจะได้นำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรพัฒนา ที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคโควิด19 อันจะเป็นการส่งเสริมการใช้สมุนไพรภายในประเทศให้แพร่หลาย และส่งออกสู่ระดับนานาชาติต่อไป


ข่าวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์+สุรพจน์ วงศ์ใหญ่วันนี้

เมกาบางนา ส่งต่อวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 2,000 โดส ตอกย้ำการเป็น PET COMMUNITY

ศูนย์การค้าเมกาบางนา แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดแห่งกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก พร้อมเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตให้ทุกๆ วันมีความสุขมากยิ่งขึ้น ด้วยแนวคิด YOUR EVERYDAY MEETING PLACE เดินหน้าสานต่อภารกิจเพื่อสังคมในฐานะ PET COMMUNITY ที่เข้มแข็ง ส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจำนวน 2,000 โดส ให้แก่ โครงการค่ายอาสาควบคุมและป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการออกหน่วยฉีดวัคซีนในพื้นที่ชุมชนบ้านนางฟ้า อ.มวกเหล็ก จ. สระบุรี วัคซีนจำนวนนี้ถูกรวบรวมผ่านกิจกรรม

การประกวด 2025 HANSIK CONTEST IN THAILAND... "เวทีแห่งรสชาติ สไตล์ และกลิ่นหอม" — การประกวด 2025 HANSIK CONTEST IN THAILAND ซึ่งเป็นการผสมผสานอาหารเกาหลีและอาหารไทยอย่างสร้างสรรค์ ได้รับความสน...

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส... อ.อ.ป. ร่วมประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 20 (UNFF20) — กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นำโดย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยาก...

มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ผนึกกำลังมหาวิ... ราชภัฏรำไพฯ จับมือ ม.เกษตรฯ ยกระดับศักยภาพรอบด้าน สู่ความเป็นเลิศทางวิชาการและพัฒนาท้องถิ่น — มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ผนึกกำลังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส...