ธ.ทิสโก้มั่นใจ ! หุ้นกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ - เวียดนาม จ่อขึ้นแรงตามหุ้นเทคฯ

04 Jul 2023

ธนาคารทิสโก้มั่นใจ หุ้นนวัตกรรมการแพทย์ และหุ้นเวียดนาม จ่อขึ้นแรงเหมือนหุ้นเทคฯ พร้อมเปิดสถิติ 6 เดือนหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาหุ้นนวัตกรรมการแพทย์มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้สูงสุด 10% ขณะที่หุ้นเวียดนามเริ่มเห็นสัญญาณบวกพลิกกลับเป็นขาขึ้น ภาครัฐฯ เร่งออกนโยบายหนุนเศรษฐกิจ

ธ.ทิสโก้มั่นใจ ! หุ้นกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ - เวียดนาม จ่อขึ้นแรงตามหุ้นเทคฯ

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี MSCI ACWI Information Technology ได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงถึง 37% เพราะตลาดมองว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งธนาคารทิสโก้มองว่าหุ้นกลุ่มที่อาจปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงเป็นกลุ่มต่อไป คือ หุ้นกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ (Innovative Healthcare) เพราะจากสถิติพบว่าหลังจาก Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนผ่านจุดสุงสุดไปแล้วประมาณ 6 เดือน หุ้นกลุ่มนี้มักจะปรับตัวขึ้นดีกว่า ดัชนี S&P500 ถึง 10%

"หุ้นกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ เป็นหุ้นเมกะเทรนด์ที่ธนาคารทิสโก้แนะนำให้ลงทุนมาโดยตลอด และมองว่าในช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าซื้ออีกครั้ง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Biotechnology ที่ปัจจุบันมีมูลค่า (Valuation) ไม่ได้สูงนัก โดยมีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น หรือ Forward P/E อยู่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ 14 เท่า อีกทั้งหากมองปัจจัยเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจถดถอยที่อาจจะเกิดขึ้น โดยอ้างอิงจากข้อมูลย้อนหลัง 20 ปีที่ผ่านมา เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจใหญ่ 2 ครั้ง ได้แก่ วิกฤต Hamburger และ COVID-19 กำไรของกลุ่ม Biotechnology ก็ยังบวกได้ 16% และ 3% ตามลำดับ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มนี้มีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นแรงหากนวัตกรรมยาได้รับการอนุมัติจาก FDA และเมื่อมีข่าวถูกควบรวมจากบริษัทยายักษ์ใหญ่ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ" นายณัฐกฤติกล่าว

นอกจากนี้ ยังแนะนำลงทุนในหุ้นเวียดนาม ที่ดัชนีหุ้นเริ่มมีสัญญาณกลับมาฟื้นตัวหลังรัฐบาลออกมาตรการเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์และกระตุ้นเศรษฐกิจจาก 4 มาตรการ คือ 1. ลดดอกเบี้ยนโยบายมาแล้วจาก 6% สู่ 4.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากอัตราเงินเฟ้อเริ่มกลับมาต่ำกว่าเป้าหมาย 2. ผ่อนคลายการควบคุมตลาดตราสารหนี้ให้ยืดระยะเวลาชำระหนี้และสามารถใช้สินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Physical asset) ชำระหนี้แทนได้ 3. เพิ่มระยะเวลา VISA ท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และ 4. ลดภาษี VAT จาก 10% เป็น 8% เพื่อกระตุ้นการบริโภค และประกอบด้วยมูลค่าของตลาดหุ้น ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ P/E Ratio เพียง 10 เท่า ซึ่งถูกกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมาถึง 20% ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามเพื่อสร้างผลตอบแทนในช่วงครึ่งปีหลัง

นายณัฐกฤติกล่าวอีกว่า สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก ธนาคารทิสโก้มองว่า ช่วงนี้ยังสามารถลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ของสหรัฐฯ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับสามารถลงทุนได้ (Investment Grade) เพราะราคาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ดี หากอัตราดอกเบี้ยกลับมาเป็นขาลงในอนาคต