อีวี มี ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้ผู้ประกอบการแท็กซี่ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวน EV ในระบบขนส่งสาธารณะไทย หนุนสังคมคาร์บอนต่ำยั่งยืน

26 Dec 2023

บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVme) ผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในไทย ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น AION ES (ไอออน อีเอส) ให้แก่บริษัท สุขสวัสดิ์แท็กซี่ จำกัด สหกรณ์แท็กซี่สหมิตร และสหกรณ์อาสาสมัคร ทดแทนรถยนต์รุ่นเก่าที่กำลังจะปลดระวาง และเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับรถโดยสารสาธารณะ มุ่งลดมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ AION ES ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า 100% พร้อมสมรรถนะการขับขี่สูง และประหยัดค่าพลังงาน เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ผู้ขับแท็กซี่ และบุคคลทั่วไป โดยมีอัตราค่าสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยเพียง 0.75 - 1 บาทต่อกิโลเมตร ซึ่ง AION ES ที่จำหน่ายโดย EVme มาพร้อมระบบแท็กซี่อัจฉริยะ (Smart Taxi) มีระบบติดตามรถ กล้องถ่ายภาพนิ่ง เครื่องระบุตัวตนผู้ขับขี่ และปุ่มฉุกเฉิน เพิ่มความปลอดภัยทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร ตามมาตรฐานของกรมขนส่งทางบก นอกจากนี้ EVme ยังได้ร่วมมือกับศูนย์บริการยานยนต์ และผู้ให้บริการด้านการเงินจากบริษัทชั้นนำ เพื่อรองรับการดูแลแบบครบวงจร ทั้งการซ่อมบำรุง และด้านสินเชื่อ

อีวี มี ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้ผู้ประกอบการแท็กซี่ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวน EV ในระบบขนส่งสาธารณะไทย หนุนสังคมคาร์บอนต่ำยั่งยืน

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) กล่าวว่า ปตท. ยึดมั่นภารกิจหลักสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ โดยตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่เป็นวาระสำคัญของโลก จึงเร่งขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด และเสริมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) โดยสนับสนุนการใช้ EV ในภาคการคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยวที่สอดรับกับการใช้ชีวิตของผู้คน อีกทั้งจากสถิติ รถสันดาป 1 คัน มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เฉลี่ยปีละ 6 ตันต่อคัน ปัจจุบันมีรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนในระบบขนส่งกว่า 85,000 คัน ทำให้ภาคส่วนนี้มีการปล่อยก๊าซฯ มากกว่าปีละ 500,000 ตัน นอกจากนี้ต้นทุนค่าพลังงานของผู้ใช้รถแท็กซี่ยังมีอัตราสูง ดังนั้นการส่งเสริมการใช้ EV ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการแท็กซี่ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนค่าพลังงาน ยังช่วยสนับสนุนการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำและเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ของประเทศ โดย ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่และเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนไทย

นายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด หรือ ARUN PLUS กล่าวเสริมอีกว่า อรุณ พลัส ในฐานะบริษัทลูกที่ ปตท. ถือหุ้น 100% และเป็นบริษัทแม่ของ EVme ยังคงเดินหน้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการขยายตัวของ EV อย่างต่อเนื่องตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจาก ปตท. ในการสร้างนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำของห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ EV (EV Value Chain) เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไปพร้อมกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero) โดยอรุณ พลัส ได้ส่งมอบคุณค่าผ่านบริษัทในกลุ่มอรุณ พลัส ในการพัฒนาธุรกิจต่าง ๆ เช่น การจัดหาชิ้นส่วนสำคัญและการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า แพลตฟอร์มสำหรับการตลาดและการขาย การผลิตแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า การจัดตั้งสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมไปถึงการให้บริการด้าน EV แบบครบวงจรผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มของ EVme ที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ซึ่งความร่วมมือกับผู้ประกอบการแท็กซี่โดยสารในวันนี้ ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญในการร่วมกันผลักดันการเปลี่ยนผ่านระบบขนส่งสาธารณะไปสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการสร้างนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการขับเคลื่อนแห่งอนาคตอย่างแท้จริง

นายจิระพงศ์ เลาห์ขจร ประธานเจ้าหน้าที่การพาณิชย์ บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด เผยว่า EVme ส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะอย่างจริงจัง โดยเริ่มให้บริการแพลตฟอร์มยานยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2563 ได้ทดสอบและเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้ EV อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาการบริการ EV ที่ไม่ใช่แค่เพียงรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ยังครอบคลุมรถยนต์สาธารณะด้วย เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ EVme จึงไม่หยุดที่จะพัฒนาการบริการใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ EV มากขึ้น และช่วยลดปัญหาด้านมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการใช้ยานพาหนะ บริษัทฯ มุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากขึ้น ให้ประชาชนทุกคน รวมถึงผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำเพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน