นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 3 ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด แต่ภาคการบริโภค การลงทุน การส่งออกกลับฟื้นตัวสูงกว่าก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 แล้ว ถึงแม้ว่าภาคการผลิตและภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร แต่ ธปท. ยังคงคาดการณ์ว่าการเติบโตในปีถัด ๆ ไปจะสมดุลมากขึ้น โดยคาดว่าจะขยายตัว 3.2% และ 3.1% ในปี 2024 และ 2025 ตามลำดับ โดยภาพรวมเศรษฐกิจทั้งในส่วนของการลงทุนและการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นนั้น ส่งผลให้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ KTAM สามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นที่น่าพอใจ บริษัทฯ จึงได้ประกาศจ่ายปันผลและจ่ายลดทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย
กลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาล ครบุรี (KBSPIF) ลงทุนในสัญญาโอนสิทธิในรายได้จากการประกอบกิจการไฟฟ้า ของบริษัทผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด (หรือ KPP ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มน้ำตาล ครบุรี) โดยโรงไฟฟ้านี้เป็นโรงไฟฟ้าแบบชีวมวล มีกากอ้อยเป็นเชื้อเพลิงหลัก ซึ่งหาซื้อได้ในประเทศ กองทุน KBSPIF นี้ จะทำการเข้าลงทุนในกระแสรายได้ของ KPP ซึ่งมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าระยะยาวให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกลุ่มน้ำตาลครบุรี โดยสัญญาเข้าลงทุนมีระยะเวลาถึงปี 2582 หรืออีกประมาณ 16 ปี ที่ผ่านมา ทั้งนี้ กองทุนได้รับรายได้จากการผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ Covid นับแต่จัดตั้งกองทุน เมื่อ ส.ค. 63 ที่ผ่านมา จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหากระแสรายได้จากทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่นกระแสไฟฟ้า เป็นต้น
โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งในปี 2563 มีการจ่ายปันผลที่อัตรา 0.4990 บาทต่อหน่วย ปี 2564 จ่ายปันผลที่อัตรา 1.0270 บาทต่อหน่วย และปี 2565 จ่ายปันผลที่อัตรา 0.8790 บาทต่อหน่วย และใน 9 เดือนแรกของปีนี้ จ่ายปันผลที่อัตรา 0.7030 บาทต่อหน่วย ใกล้เคียงกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่อัตรา 0.7050 บาทต่อหน่วย สำหรับไตรมาส 3 รอบบัญชีวันที่ 1 ก.ค. 66 - 30 ก.ย. 66 และจากกำไรสะสม ได้จ่ายปันผลในวันที่ 19 ธ.ค.66 ในอัตรา 0.2440 บาทต่อหน่วย และหากพิจารณาในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ได้จ่ายปันผลไปแล้วรวม 0.8770 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็น 9.85% จากราคาปิด ณ วันที่ 13 ธ.ค. 66 ที่ 8.90 บาทต่อหน่วย
และอีกกองทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ที่ลงทุนในสิทธิในรายได้ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางสุทธิ ที่จัดเก็บได้จากโครงการทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี ซึ่งบริหารจัดการโดย การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยสัญญามีระยะเวลาคงเหลือ ประมาณ 25 ปี (สิ้นสุดปี 2591) ทำให้กองทุนนี้เป็นกองทุนแบบที่ลงทุนในสัญญาแบ่งรายได้ที่มีอายุคงเหลือมากสุดในตลาด ณ ขณะนี้ (ที่มา: SETTRADE ข้อมูล ณ 18 ธค 66) และยังได้รับอานิสงส์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากการเปิดเมืองในปีที่ผ่านมาและการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปีนี้ อีกทั้งยังได้รับผลดีจากการปรับขึ้นค่าผ่านทางทั้ง 2 เส้นทาง ซึ่งเป็นไปตามวิธีการปรับค่าผ่านทางที่กำหนดไว้ในสัญญาที่อ้างอิงกับอัตราเงินเฟ้อ โดยคาดว่าอัตราค่าผ่านทางใหม่จะได้เรียกเก็บในช่วง มี.ค. 67 นี้ กองทุนนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหาทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่มีรายได้เติบโตตามภาวะเงินเฟ้อ และการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการทางพิเศษของ กทพ. ทั้งใน 2 เส้นทางนี้
โดยในปี 2563 มีการจ่ายปันผลที่อัตรา 0.3829 บาทต่อหน่วย ปี 2564 จ่ายปันผลที่อัตรา 0.3086 บาทต่อหน่วย และปี 2565 จ่ายปันผลที่อัตรา 0.3825 บาทต่อหน่วย และใน 9 เดือนแรกของปีนี้ จ่ายปันผลที่อัตรา 0.3098 บาทต่อหน่วย มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่อัตรา 0.2793 บาทต่อหน่วย สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจน สำหรับไตรมาส 3 รอบบัญชีวันที่ 1 ก.ค. 66 - 30 ก.ย. 66 ได้จ่ายปันผลในวันที่ 28 ธ.ค.66 ในอัตรา 0.1057 บาทต่อหน่วย และหากพิจารณาในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา จ่ายปันผลไปแล้วรวม 0.4130 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็น 6.56% จากราคาปิด ณ วันที่ 13 ธ.ค. 66 ที่ 6.30 บาทต่อหน่วย
นอกจากนี้ ยังมีกองทุนที่จ่ายปันผลในวันที่ 19 ธ.ค. 66 สำหรับรอบบัญชีวันที่ 1 ก.ค. - 30 ก.ย. 2566 และจากกำไรสะสม ได้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGATIF) เป็นกองทุนที่ลงทุนในรายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ของ กฟผ. กำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 31 ในอัตรา 0.0839 บาทต่อหน่วย และจ่ายลดทุนครั้งที่ 11 ในอัตรา 0.1200 บาทต่อหน่วย รวมเป็นจ่ายปันผลและลดทุน จำนวน 0.2039 บาทต่อหน่วย ซึ่งในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ได้จ่ายปันผลไปแล้วรวม 0.3538 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็น 6.26% จากราคาปิดที่ 5.65 บาทต่อหน่วย (ณ วันที่ 13 ธ.ค. 66) และจ่ายลดทุนไปแล้วรวม 0.4600 บาทต่อหน่วย
สำหรับปันผลกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ตามรอบบัญชีวันที่ 1 ก.ค. 66 - 30 ก.ย. 66 และจากกำไรสะสม ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซีพี ทาวเวอร์ โกรท (CPTGF) เป็นอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่โดดเด่น 3 แห่งด้วยกัน ได้แก่ CP Tower 1 (สีลม) CP Tower 2 (รัชดาภิเษก) และ CP Tower 3 (พญาไท) โดยในไตรมาสนี้ได้กำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 38 ในอัตรา 0.1836 บาทต่อหน่วย ซึ่งในรอบ 9 เดือนของปี 2566 ได้จ่ายปันผลแล้วรวม 0.3020 บาทต่อหน่วย และลดทุนเป็นเงิน 0.2300 บาทต่อหน่วย รวมกันเป็นเงิน 0.5330 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ จากราคาตลาด ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 4.96 บาท (13 ธ.ค. 66) ซึ่งหากพิจารณาการจ่ายเงินปันผล 4 ไตรมาสล่าสุด จะคิดเป็นอัตราเงินปันผลที่ 9.35%
และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท (TTLPF) ลงทุนในโครงการตลาดไท ได้กำหนดจ่ายเงินปันผลนับเป็นครั้งที่ 52 ในอัตรา 0.4440 บาทต่อหน่วย ซึ่งในรอบ 9 เดือนของปี 2566 ได้จ่ายปันผลแล้วรวม 1.3040 บาทต่อหน่วย โดยราคาตลาด ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 19.20 บาท (13 ธ.ค. 66) ซึ่งหากเทียบจากการจ่ายเงินปันผลย้อนหลัง 4 ไตรมาสล่าสุด จะคิดเป็นอัตราเงินปันผลอยู่ที่ประมาณ 8.99%
รวมถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท (LPF) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 มิ.ย. 2566 - 30 ส.ค. 2566 โดยจ่ายให้ผู้ถือหน่วยแล้วเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งที่ 46 ในอัตรา 0.2112 บาทต่อหน่วย ซึ่งในรอบ 9 เดือนของปี 2566 ได้จ่ายปันผลแล้วรวม 0.6470 บาทต่อหน่วย โดยราคาตลาด ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 12.80 บาท (13 ธ.ค. 66) หากเทียบจากการจ่ายเงินปันผลย้อนหลัง 4 ไตรมาสล่าสุด จะคิดเป็นอัตราเงินปันผลอยู่ที่ประมาณ 6.65%
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th
คำเตือน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจในลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
KTAM มองโอกาสจากตราสารหนี้ทั่วโลก เสนอขาย "KTWC-INCOME RMF" IPO 11-17 ธ.ค.นี้ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
บลจ.ทิสโก้ ปลื้ม ! กองทุน TGSMART กระแสตอบรับดี ประกาศเพิ่มทุนเป็น 4,000 ล้านบาท
บลจ.ทิสโก้ ตัวจริงเรื่องทริกเกอร์ฟันด์ บริหาร กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ทริกเกอร์ 5M#1 ถึงเป้าหมายใน 25 วัน
ธปท.แต่งตั้ง บลจ.ทิสโก้ ร่วมบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
BBLAM เสนอขาย IPO 'กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 10/25' วันที่ 3-8 ธ.ค. 2568
จิตตะ เวลธ์ ปักธงช่วยคนไทยหลุดพ้น "กับดักกองทุนรวม" เปิดตัว Omni Fund กองทุนส่วนบุคคลเจ้าแรก ที่ซื้อ-ขาย ปรับพอร์ตกองทุนรวมให้อัตโนมัติ
'พรินซิเพิล' คว้ารางวัล Best Asset Management Company Awards* จากงาน SET Awards 2025 ผู้นำความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการมาตรฐานระดับโลก
บลจ.เกียรตินาคินภัทร คว้ารางวัล บริหารกองทุนดีเด่น และ บลจ.ดีเด่นด้าน ESG จากเวที SET AWARDS 2025 ตอกย้ำบทบาทผู้นำการลงทุนอย่างรับผิดชอบ
บลจ.เกียรตินาคินภัทร เปิดตัวกองทุน KKP AAA CLO-USD โอกาสใหม่สำหรับการลงทุนในตราสารที่มีสินเชื่อเป็นหลักประกัน (CLO) IPO วันที่ 25 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม นี้