กรมประมง จัดพิธีมอบหนังสือแสดงการขึ้นทะเบียนสถานที่สามารถเพาะพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อการค้าระหว่างประเทศกับสำนักเลขาธิการ CITES ให้กับฟาร์มและหน่วยงานที่ดำเนินการเพาะพันธุ์เพื่อส่งออก ได้แก่ ฟาร์มจระเข้น้ำจืด จำนวน 1 ฟาร์ม ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด และศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด (เพาะพันธุ์ปลาบึกและปลายี่สกไทย) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกรมประมง จำนวนทั้งสิ้น 6 แห่ง นอกจากจะเป็นการสนับสนุนในการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำดังกล่าวแล้ว นับเป็นการขยายโอกาสทางการค้าในตลาดต่างประเทศต่อไป
นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และการค้าสัตว์ป่าในเชิงพาณิชย์ภายใต้ข้อกำหนดของอนุสัญญา CITES ช่วยสร้างเสริมเศรษฐกิจ ผ่านกลไกการควบคุมการค้าระหว่างประเทศทำให้การใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญาดังกล่าว โดยเฉพาะการสนับสนุนการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าอย่างถูกกฎหมายให้กลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีศักยภาพได้
จระเข้น้ำจืด จระเข้น้ำเค็ม ปลาตะพัด ปลายี่สกไทย และปลาบึก จัดเป็นหนึ่งในสัตว์น้ำที่อยู่ท้ายอนุสัญญา CITES ในบัญชีที่ 1 ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์น้ำที่ใกล้สูญพันธุ์และห้ามทำการค้าในเชิงพาณิชย์ แต่อนุสัญญาได้มีข้อกำหนดว่า หากสัตว์น้ำนั้นสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ในที่เลี้ยง และได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักเลขาธิการ CITES จะสามารถทำการค้าระหว่างประเทศได้
สำหรับจระเข้น้ำจืด (Crocodylus siamensis) กรมประมงได้พยายามดำเนินการผลักดันและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรไทยในการเพาะเลี้ยงจระเข้น้ำจืด เนื่องจากธุรกิจการค้าจระเข้ในต่างประเทศมีความเติบโตและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค จัดเป็นสัตว์น้ำที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจในทุกส่วนของอวัยวะ เช่น เลือด เนื้อ หนัง กระดูก ไขมัน ฯลฯ โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 ประเทศไทยได้เริ่มขึ้นทะเบียนกับสำนักเลขาธิการ CITES ปัจจุบันมีผู้เพาะพันธุ์จระเข้ไทยได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักเลขาธิการ CITES จำนวน 29 แห่ง สร้างรายได้จากส่งออก มูลค่ามากกว่า 7,000 ล้านบาท จากการซื้อ - ขายจระเข้มีชีวิต เนื้อจระเข้ ไข่จระเข้ และหนังจระเข้ในอุตสาหกรรมเครื่องหนัง รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากศักยภาพการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์จระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทยในฟาร์ม มีการขึ้นทะเบียนทั้งฟาร์มขนาดเล็กและฟาร์มขนาดใหญ่ทั่วประเทศ รวมทั้งมีธุรกิจต่อเนื่องในการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับใบอนุญาตให้มีการเพาะพันธุ์จระเข้เพื่อการค้าและส่งออกมากที่สุดในทวีปเอเชีย
ทั้งนี้ ล่าสุด เมื่อปลายปี พ.ศ. 2566 ฟาร์มลำดับที่ 29 สำนักเลขาธิการ CITES ได้พิจารณาอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะพันธุ์เพื่อการค้าระหว่างประเทศ ชนิดพันธุ์ จระเข้น้ำจืด (Crocodylus siamensis) ให้แก่ฟาร์ม Fluke and Fern Crocodile ของ นางจรีพร โชติรัตน์ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงที่เป็นไปตามข้อกำหนดของอนุสัญญา และเป็นฟาร์มที่มีการดำเนินการแบบครบวงจร อีกทั้งยังก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพในพื้นที่ ก่อให้เกิดรายได้เศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน
ในส่วนของ ปลาบึก และปลายี่สกไทย ในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้รับการขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะพันธุ์เพื่อการค้าระหว่างประเทศจากสำนักเลขาธิการ CITES และเป็นประเทศแรกของโลก เนื่องจากได้รับการพิจารณาว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเพาะเลี้ยงหรือเพาะพันธุ์อย่างมากและเป็นที่ต้องการของตลาดระหว่างประเทศ โดยมีจำนวน 6 แห่ง ได้แก่
- ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเลย
- ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดกาญจนบุรี
- ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดอุดรธานี
- ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดหนองคาย
- ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดพระนครศรีอยุธยา
- ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี
รองอธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า นับว่าเป็นโอกาสอันดี ที่กรมประมงจะช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถเพาะพันธุ์สัตว์น้ำเหล่านี้ได้มากขึ้น และสนับสนุนผู้ที่สนใจสามารถหาแนวทางในการสร้างรายได้ต่อไป โดยในปี พ.ศ. 2567 กรมประมงมีแนวทางในการช่วยผลักดันให้ผู้ที่ประสงค์จะทำการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์น้ำท้ายอนุสัญญา CITES บัญชี 1 มีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นผลเชิงบวกต่อผู้ประกอบการไทย และภาคธุรกิจส่งออกสัตว์น้ำของไทยได้ในอนาคต
"SMO" จับมือ "APM-FSS" ล่องใต้โรดโชว์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ
"SMO" จับมือ "APM-FSS" ขึ้นเหนือโรดโชว์ จ.เชียงใหม่ โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ
IN2IT (อินทูอิท) บริษัท เอเซียแปซิฟิค คอสเมติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้รับตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark (T Mark) ประจำปี 2568
"SMO" จัดงาน Analyst Meeting โชว์ศักยภาพธุรกิจ เตรียมความพร้อมก่อนเสนอขาย IPO 231.60 ล้านหุ้น
EXIM BANK เปิดตัว "หลักสูตร EXIM 2X รุ่นที่ 1 ปี 2568" ปั้น SMEs ไทยสู่เวทีการค้าโลก
เผยโฉม "Macao week" ณ พาวิลเลียนประเทศจีน ในงาน World Expo 2025 เมืองโอซาก้า เริ่ม 2 ตุลาคมนี้
กระทรวงการต่างประเทศร่วมขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากล