บริดจสโตนชูเทคโนโลยี ENLITEN(R) ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ด้วยวัสดุรีไซเคิล และวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ถึง 63%

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

บริดจสโตนประกาศสนับสนุนยางรถยนต์ที่พัฒนาด้วยวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ถึง 63%*2 แก่ทีมผู้เข้าแข่งขันในรายการ Bridgestone World Solar Challenge (การแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์) ซึ่งยางรถยนต์ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อตอบโจทย์การใช้งานสุดท้าทายบนระยะทางรวม 3,000 กิโลเมตรในประเทศออสเตรเลีย ถือเป็นการนำเทคโนโลยี ENLITEN(R) มาใช้ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตเป็นครั้งแรก

บริดจสโตนชูเทคโนโลยี ENLITEN(R) ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ด้วยวัสดุรีไซเคิล และวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ถึง 63%

นอกจากนี้บริดจสโตนยังมุ่งให้การสนับสนุนด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตซึ่งผู้ขับขี่ต้องเผชิญกับสถานการณ์และสภาพแวดล้อมสุดท้าทาย ด้วยความภาคภูมิใจและความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งของบริดจสโตนที่มีต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การผลิต การขนส่ง ความแข็งแกร่งของแบรนด์ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในวงการมอเตอร์สปอร์ต บริดจสโตนฉลองครบรอบ 60 ปี ในวงการมอเตอร์สปอร์ตในปี ค.ศ. 2023 และมุ่งมั่นสนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ตสู่ความยั่งยืน บริดจสโตนชูเทคโนโลยี ENLITEN(R) ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ด้วยวัสดุรีไซเคิล และวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ถึง 63%

1. "ENLITEN(R)" เทคโนโลยีใหม่ของบริดจสโตนสำหรับการออกแบบยางรถยนต์พรีเมียมในยุครถยนต์ไฟฟ้า บริดจสโตนชูเทคโนโลยี ENLITEN(R) ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ด้วยวัสดุรีไซเคิล และวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ถึง 63%

บริดจสโตนได้พัฒนายางรถยนต์รุ่นใหม่สำหรับการแข่งขันในรายการ 2023 Bridgestone World Solar Challenge ด้วยเทคโนโลยี ENLITEN(R) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวได้ยกระดับยางรถยนต์ที่ใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวันด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่ยังคงสมรรถนะด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและตลาดด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เป็นองค์ประกอบของ ENLITEN(R) ทำให้บริดจสโตนสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าและสังคมซึ่งยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN(R) ในการแข่งขันรายการBridgestone World Solar Challenge ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยตอบโจทย์การขับขี่รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์อย่างเต็มสมรรถนะให้ทีมผู้เข้าแข่งขัน*3 บนระยะทาง 3,000 กิโลเมตร เทคโนโลยีดังกล่าวยังช่วยลดความต้านทานการหมุนของยางรถยนต์ ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน และทำให้ยางรถยนต์มีน้ำหนักเบา บริดจสโตนจะออกแบบยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์เฉพาะบนพื้นฐานความต้องการของทีมผู้เข้าแข่งขัน ทั้งนี้เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีใหม่อย่าง ENLITEN(R) และดึงสมรรถนะที่เหนือชั้นของยางรถยนต์ออกมา นอกจากนี้เรายังพัฒนาและส่งมอบยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN(R) ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับลูกค้าผ่านการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตและการขับขี่ในชีวิตประจำวัน บริดจสโตนชูเทคโนโลยี ENLITEN(R) ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ด้วยวัสดุรีไซเคิล และวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ถึง 63%

2. ยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ถูกพัฒนาด้วยวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนกลับมาใช้ใหม่ถึง 63% บริดจสโตนชูเทคโนโลยี ENLITEN(R) ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ด้วยวัสดุรีไซเคิล และวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ถึง 63%

บริดจสโตนกำลังจัดเตรียมยางรถยนต์ที่มีสัดส่วนของวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ (MCN - Material Circularity Number) ถึง 63% เมื่อเทียบกับการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ประจำปี ค.ศ. 2019 มีประมาณ 30% วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ที่ใช้ในการพัฒนายางรถยนต์ประกอบด้วย เส้นใยอินทรีย์รีไซเคิล คาร์บอนแบล็กรีไซเคิล ยางสังเคราะห์รีไซเคิล น้ำมันรีไซเคิล และวัสดุเสริมความแข็งแรงจากเหล็กรีไซเคิล นอกจากนี้ยางรถยนต์ที่ใช้กับการแข่งขันในคลาส Cruiser ยังได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมโดยใช้ซิลิกาจากแกลบข้าวและคาร์บอนแบล็กซึ่งผ่านกระบวนการไพโรไลซิสของยางรถยนต์ที่ใช้แล้ว

3. ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการขนส่งยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge

สำหรับการขนส่งยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge บริดจสโตนได้ร่วมมือกับ DHL บริษัทชั้นนำผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ด้วยการบรรลุเป้าหมายปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 การใช้โซลูชั่น GoGreen Plus*4 ของ DHL จะทำให้การขนส่งยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันดังกล่าวเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ผสานกับการใช้เชื้อเพลิงทางการขนส่งทางเรือ (การลดคาร์บอนแบบอินเซ็ต: insetting) และการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐาน VER Gold Standard carbon credits (การชดเชยคาร์บอน:offsetting)

"บริดจสโตนมุ่งมั่นสนับสนุนอนาคตของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตสู่ความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้ในการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ซึ่งเราสนับสนุนยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN(R) และถูกพัฒนาด้วยวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ได้ถึง 63% เช่นเดียวกับความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทาน เรามีความตั้งใจที่จะนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ผ่านสถานการณ์การแข่งขันสุดท้าทายนี้" Naotaka Horio ผู้อำนวยการบริดจสโตนมอเตอร์สปอร์ต กล่าว "นอกจากนี้ ในฐานะผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันดังกล่าว เรายังต้องการส่งเสริมเหล่าวิศวกรรุ่นใหม่จากทั่วโลกให้สร้างสรรค์เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อใช้ในการแข่งขันด้วย ซึ่งพวกเขายังสามารถมีบทบาทในสังคมการเดินทางที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต"

บริดจสโตนมุ่งมั่นที่จะบรรลุวิสัยทัศน์สู่ปี ค.ศ. 2050 เพื่อส่งมอบคุณค่าให้สังคมและลูกค้าในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน โดยเราให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นแกนหลักในการบริหารและการดำเนินธุรกิจ การแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge นับเป็นอีกหนึ่งบทบาทในการเดินทางของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตซึ่งรวมเข้ากับโซลูชั่นที่ยั่งยืนสำหรับอนาคตต่อไป*5           

การแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge สอดคล้องกับ "ด้าน Energy (พลังงาน)" และ "ด้าน Emotion (ความรู้สึก)" ใน Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) *6 ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์ของบริดจสโตนสู่การสร้างสังคมแห่งการเดินทางที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Energy) และปลุกพลังบันดาลใจ เติมเชื้อไฟแห่งความตื่นเต้นสู่โลกแห่งการเดินทาง (Emotion)

*1 การแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคมนี้ ที่ประเทศออสเตรเลีย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bridgestone.co.jp/bwsc/ และ https://worldsolarchallenge.org/

*2 ข้อมูลดังกล่าวได้รับการรับรองโดย Bridgestone Corporation

*3 บริดจสโตนสนับสนุนทีมผู้เข้าแข่งขันในการแข่งขันรายการ 2023 Bridgestone World Solar Challenge สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://www.bridgestone.com/corporate/news/2023060501.html  

*4 โซลูชั่น GoGreen Plus ของ DHL สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dhl.com/jp-ja/home/global-forwarding/products-and-solutions/gogreen-solutions.html

*5 ความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ระยะยาวสู่ปี ค.ศ. 2030 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bridgestone.com/ir/library/strategy/pdf/ENG_lsa20220831.pdf

*6 กลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนได้กำหนด "Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)" เพื่อช่วยให้บรรลุวิสัยทัศน์: "สู่ปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) บริดจสโตนยังคงส่งมอบคุณค่าให้สังคมและลูกค้า ในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน" ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการบริหารควบคู่ไปกับการสร้างความไว้วางใจและน่าเชื่อถือให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต "Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)" ประกอบด้วยคุณค่า 8 ด้านของบริดจสโตนที่เริ่มต้นด้วยตัวอักษร "E" (ด้าน Energy (พลังงาน), ด้าน Ecology (สิ่งแวดล้อม), ด้าน Efficiency (ประสิทธิภาพ), ด้าน Extension (การเติบโต), ด้าน Economy (เศรษฐกิจ), ด้าน Emotion (ความรู้สึก), ด้าน Ease (ความสะดวกสบาย) และด้าน Empowerment (พลังทางสังคม) ซึ่งกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผ่านเจตจำนงและกระบวนการทำงานร่วมกับพนักงาน สังคม พันธมิตร และลูกค้า เพื่อสังคมที่ยั่งยืน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bridgestone.com/corporate/news/pdf/2022030101.pdf

เกี่ยวกับ บริดจสโตน ประเทศไทย

บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น มีสำนักงานใหญ่ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผู้นำระดับโลกด้านการเดินทางอย่างยั่งยืนพร้อมนำเสนอโซลูชั่นขั้นสูง และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เราได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า, ผู้แทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจจากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับคุณภาพด้านผลิตภัณฑ์ที่ได้ถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมในประเทศ เพื่อการส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมและลูกค้า บริดจสโตนมุ่งมั่นพัฒนาการเดินทาง, การใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คน เพื่อสร้างสรรค์อนาคตของการเดินทางให้ยั่งยืน


ข่าวพลังงานแสงอาทิตย์+มอเตอร์สปอร์ตวันนี้

20 ปีแห่งความสำเร็จ: Solis ฉลองครบรอบด้วยการเปิดตัวครั้งใหญ่ที่งาน Intersolar

Solis หนึ่งในผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์รายใหญ่และมีประสบการณ์มากที่สุดในโลก เตรียมฉลองครบรอบ 20 ปีอย่างยิ่งใหญ่ในงาน Intersolar Europe 2025 ด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมครั้งสำคัญ ได้แก่ อินเวอร์เตอร์ไฮบริดติดผนังที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ ผู้ช่วยอัจฉริยะ AI สำหรับจัดการพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 ที่เมืองหนิงโป ประเทศจีน ปัจจุบัน Solis เติบโตเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ โดยยังคงบริหารงานโดยผู้ก่อตั้ง คุณ Jimmy Wang ด้วยยอดส่งมอบอินเวอร์เตอร์ทั่วโลกกว่า 100 กิกะวัตต์ และครอบคลุม กว่า 100 ประ

ONNEX SOLAR by SCG Smart Living ผู้เชี่ยว... แกมโบลพลิกโฉมโรงงานพลังงานสะอาด ติดตั้งโซล่าร์เซลล์ ONNEX by SCG ช่วยลดค่าไฟสูงสุด 50% — ONNEX SOLAR by SCG Smart Living ผู้เชี่ยวชาญงานติดตั้งระบบผลิตไฟฟ...

เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จับมือโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดใช้งานระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ( Solar Rooftop)

ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา พร้อมด้วย อรรถพงศ์ สถิตมโนธรรม (ที่ 5 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร...