บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานงวดสะสม 9 เดือนปี 2566 มียอดขายรวม 145,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานรวม 9,282 ล้านบาท ลดลง 12.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น
 
                                                                                                                                        นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 204 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 212 บริษัท (มี 3 บจ. ที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และ 4 บจ.ที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดย 9 เดือน ปี 2566 พบ บจ. รายงานกำไรสุทธิจำนวน 140 บริษัท คิดเป็น 69% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2566 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 145,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% มีต้นทุนขายลดลง 0.3% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นจาก 24.8% เป็น 25.9% อย่างไรก็ดี บจ. มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 13.4% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 12.9% อยู่ที่ 9,282 ล้านบาท โดย บจ. มีกำไรสุทธิรวม 5,479 ล้านบาท ลดลง 35.0%
ด้านผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 บจ. มียอดขายรวม 49,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% ต้นทุนขาย 36,625 ลดลง 0.1% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 25.3% เป็น 25.9% อย่างไรก็ดี การที่ บจ. มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้นถึง 10.8% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 15.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"9 เดือนปี 2566 แม้สถานการณ์โควิดจะคลี่คลาย แต่ด้วยปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลต่อการเติบโตของยอดขายโดยรวมในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้กำไรจากการดำเนินงาน และกำไรสุทธิโดยรวมของ บจ. ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงเติบโตทั้งยอดขาย และกำไรจากการดำเนินงาน ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง" นายประพันธ์กล่าว
ด้านฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 332,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.0% จากสิ้นปี 2565 และโครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.77 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2565 ที่เท่ากับ 0.80 เท่า
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 212 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 405.60 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 419,268 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2,305 ล้านบาทต่อวัน
 
                             TATG เปิดเทรดวันแรกราคาพุ่งเหนือจอง 85.60%
                            TATG เปิดเทรดวันแรกราคาพุ่งเหนือจอง 85.60%
                         MMM23 เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) วันแรก
                            MMM23 เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) วันแรก
                         MMM 23 เปิดเทรดกระดาน LiVEx วันแรก ราคาพุ่งเหนือจอง 34%
                            MMM 23 เปิดเทรดกระดาน LiVEx วันแรก ราคาพุ่งเหนือจอง 34%
                         ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ต้อนรับ บมจ. เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล (MMM23) เริ่มซื้อขาย 18 ธ.ค. นี้
                            ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ต้อนรับ บมจ. เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล (MMM23) เริ่มซื้อขาย 18 ธ.ค. นี้
                         MGI ลั่นระฆังเทรดวันแรก ประสบความสำเร็จ เปิดตลาดราคาหุ้นเหนือจอง 26.26%
                            MGI ลั่นระฆังเทรดวันแรก ประสบความสำเร็จ เปิดตลาดราคาหุ้นเหนือจอง 26.26%
                         ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ต้อนรับ บมจ. มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MGI) เริ่มซื้อขาย 14 ธ.ค. นี้
                            ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ต้อนรับ บมจ. มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MGI) เริ่มซื้อขาย 14 ธ.ค. นี้
                         SCL เทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai เปิดตลาดพุ่งเหนือจอง 3.90%
                            SCL เทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai เปิดตลาดพุ่งเหนือจอง 3.90%
                         SCL เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก
                            SCL เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก