อาการ "ภูมิแพ้" มักเป็น "ส่วนเกิน" จากทุกโรค วิธีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการภูมิแพ้อย่างรุนแรงที่เห็นผลได้ในระยะยาว ไม่ใช่เพียงแค่ป้องกันการสัมผัสต่อสิ่งเร้าที่จะก่อให้เกิดอาการเพิ่มขึ้น แต่คือ "การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และสม่ำเสมอ" เพื่อทำร่างกายให้แข็งแรงต่อสู้โรคดังกล่าว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุชาดา เสาเวียง ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงงานวิจัยด้านวิทย์กีฬาที่แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 3 กลุ่มเพื่อดูการทดลองใน 8 สัปดาห์
โดยกำหนดให้กลุ่มที่ 1 ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และสม่ำเสมอเพียงอย่างเดียว กลุ่มที่ 2 ไม่ออกกำลังกายเลย และกลุ่มที่ 3 ออกกำลังกายพร้อมรับประทานวิตามินซี พบว่ากลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 3 ได้ผลดีเท่ากัน จึงได้นำมาสู่บทสรุปให้เห็นถึงผลดีของการออกกำลังกาย ซึ่งจะเกิดขึ้นจนกลายเป็นนิสัยเมื่อทำติดต่อกันได้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป
นอกจากนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุชาดา เสาเวียง ได้มอบ "สูตรการออกกำลังเพื่อการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย" โดยวัดจากอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดขณะออกกำลังกาย ใช้สูตร 220 ลบด้วยอายุ เช่น หากอายุ 20 ปี ใช้ 220 - 20 = 200 ถือเป็นความหนักสูงสุด (หนัก 100%) โดยความหนักที่เหมาะสมเพื่อการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายจะอยู่ที่ความหนัก 60 - 80 % หรือขณะออกกำลังกาย มีอาการหอบเล็กน้อย และยังพูดเป็นประโยค ถาม - ตอบได้
ทั้งนี้ หากออกกำลังกายหนักเกินไป จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากภูมิคุ้มกันจะถูกกระตุ้นมากจนเกินไปขณะออกกำลังกาย พอหยุดพักภูมิคุ้มกันจะตกลงเป็นระยะเวลาประมาณ 3 - 72 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น ทำให้เป็นหวัด ติดเชื้อได้ง่าย
ซึ่งการออกกำลังกายที่เหมาะสมและได้ผลต่อการสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายอย่างต่อเนื่อง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุชาดา เสาเวียง ได้แนะนำให้ออกกำลังกายประเภทแอโรบิกที่ความ "หนักปานกลาง" 3 - 5 ครั้ง/สัปดาห์ นานครั้งละ 30 - 60 นาที เช่น "วิ่ง - ว่าย - พาย - ปั่น" ซึ่งหากทำได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายแล้ว ยังช่วยทำให้น้ำหนักส่วนเกินลดลงได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ หากระหว่างการออกกำลังกายมีอาการปากบวมเจ่อ คลื่นไส้ หลอดลมตีบ ตลอดจนความดันโลหิตต่ำลง ฯลฯ ควรหยุดพักพ่นยา หรือรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นก่อน
และหากเกิดอาการรุนแรงโดยไม่มียา ควรช่วยเหลือด้วยการให้ผู้มีอาการดังกล่าวหยุดออกกำลังกาย นอนพักโดยยกขาสูง เพื่อให้เลือดหล่อเลี้ยงสมอง และป้องกันอาการหัวใจล้มเหลว ก่อนเรียกรถพยาบาลส่งถึงมือแพทย์
นอกจากนี้ การออกกำลังกายที่เหมาะสมและเพียงพอจะช่วยทำให้ร่างกายลดความไวต่อ "สารฮีสตามีน" ซึ่งทำให้ความไวต่อสิ่งกระตุ้นโรคภูมิแพ้ลดลง ทำให้อาการภูมิแพ้บรรเทาลงนั่นเอง แม้แต่ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ตั้งแต่กำเนิด หากรับประทานยาเพื่อควบคุมอาการอย่างเคร่งครัด และออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง จะทำให้มีร่างกายที่แข็งแรงพร้อมสู้โรค เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันร่างกายสูงขึ้น และจะทำให้สามารถพัฒนาสมรรถภาพสู่การเป็นนักกีฬามืออาชีพเช่นเดียวกับคนทั่วไปได้ต่อไปในอนาคต
ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th
ประโยชน์ของ MRI สัตว์เลี้ยงในการวินิจฉัยโรคที่ซับซ้อน
Ultraformer MPT VS Ulthera ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี
W9 Wellness เปิดมุมมอง Silence Heals: ความเงียบ คือยารักษาสมองยุคดิจิทัล
ม.มหิดล ร่วมมือ ฮาร์วาร์ด - เอ็มไอที เชื่อมองค์ความรู้ระดับโลก เร่งผลักดันแผน "Medical Disruption" สร้าง Real World Impact ด้านสุขภาพ พลิกโฉมสาธารณสุขไทย
เกรซ วอเทอร์ เมด (GWM25) ผู้นำธุรกิจไตเทียม คว้างานใหญ่ ดูแลระบบน้ำ RO กว่า 60 ศูนย์
KTMS สาขาพัทลุง เพิ่มรอบเวลารับผู้ป่วยโรคไต น้ำท่วมจากหาดใหญ่
เครียดหนักต้องพักบ้าง! แพทย์ รพ.วิมุต แนะวิธีป้องกัน "ภาวะหมดไฟ"
ตลาดอาหารสุขภาพเปลี่ยนเกมด้วยเทรนด์อาหารจากธรรมชาติและแรงกระตุ้นจากผู้บริโภค
WINMED ลุย! ให้บริการนวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อคนไทย